Page 199 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๑-๒๕๖๑-กฎหมายฯ
P. 199

´ØÅ¾ÒË





              การที่พยานเห็นบางอยาง แตไมเห็นขอเท็จจริงอีกอยางแมจะปรากฏขึ้นชัดเจนตอหนา

              พยานในเวลาเดียวกันนั้น อาจมิใชเพราะพยานโกหกก็ได

                       นอกจากนี้ แมแตการที่ระบบที่ ๒ ใชพลังงานไปกับการจดจออยูเพียงเรื่องเดียว

              ก็ยังเปนการใชพลังงานอยางหนักหนวง อันทําใหสมองออนเพลียและเหน็ดเหนื่อย ซึ่งเมื่อ
              ระบบที่ ๒ เกิดอาการลา ความสามารถในการใชเหตุผลไตรตรองจะออนดอยลงมาก ตัวอยาง
              หนึ่งที่นาตื่นตะลึงก็คือมีการศึกษาในประเทศอิสราเอลพบวา เมื่อผูพิพากษาที่มีอํานาจ

              พิจารณาวาจะพักการลงโทษ (parole) แกผูตองโทษหรือไมตองนั่งพิจารณาคํารองดังกลาว

              ทั้งวัน อัตราการอนุญาตใหพักการลงโทษแปรผันขึ้นอยูกับชวงเวลาของการรับประทานอาหาร
              ของผูพิพากษา กลาวคือ หลังผูพิพากษารับประทานอาหารมาเสร็จใหมๆ อัตราการอนุญาต
              ใหพักการลงโทษจะพุงสูงขึ้นมาก แตในชวงเวลาอื่นๆ อัตราการอนุญาตจะลดนอยลงจน

                                                           ๗
              เหลือใกลศูนยเมื่อใกลจะถึงเวลารับประทานอาหาร  ผลการศึกษาชิ้นนี้สรุปวา ผูพิพากษา
              ที่เหนื่อยและหิวจะหวนกลับไปใชการตัดสินใจที่งายกวา คือการถือตามคาตั้งตน (default)
              หรือความเคยชินซึ่งก็คือการไมอนุญาตนั่นเอง จึงถือเปนขอสรุปที่นาตกใจทีเดียววาความเปน
              ธรรมในแตละคดีนั้นขึ้นอยูกับความเหนื่อยและหิวของผูพิพากษาเชนนั้นหรือ

                       เมื่อระบบที่ ๒ เกียจครานและไมคอยยอมทํางาน สมองของเราจึงตองมีระบบคิด
              อีกระบบที่ขยันทํางานกวาไวเปนระบบอัตโนมัติ แตระบบก็จําตองใชพลังงานนอยเพราะ

              มิเชนนั้นจะไมอาจทํางานตลอดเวลาได นี่จึงเปนบทบาทของระบบที่  ๑  หรือระบบ

              “คิดเร็ว” ซึ่งไมใชระบบที่คิดใครครวญ หากแตใชการประมวลผลดวยสัญชาตญาณและ
              สามัญสํานึก ตลอดจนทักษะหรือความจําที่ฝงแนนขึ้นใจ ดวยเหตุนี้ ระบบที่ ๑ จึงสามารถ
              ประมวลผลไดอยางฉับพลันทันที งายดาย และแนนอนวาประหยัดพลังงานอยางยิ่ง

                       อยางไรก็ตาม ขอเสียของการเปนระบบอัตโนมัติก็คือระบบนี้อยูนอกเหนือความ
              ควบคุมของเรา และไมวาเราจะชอบหรือเรียกรองหรือไม ระบบที่ ๑ ก็มักจะปอนผลสรุป

              ที่บอยครั้งก็ “ดวนสรุป” จากการคิดเร็วมาใหเราโดยที่เราไมรูตัว และทําใหการตัดสินใจ





              ÷. ͋ҹÃÒÂÅÐàÍÕ´¢Í§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒªÔé¹¹Õéà¾ÔèÁàμÔÁä´Œ·Õè Shai Danziger, Jonathan Levav, and Liora
                Avnaim-Pesso, “Extraneous Factors in Judicial Decisions,” PNAS 108 (2011) : 6889 - 92.
               áÅÐ͋ҹÍ͹äŹä´Œ·Õè https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3084045/ (Ê׺¤Œ¹¤ÃÑé§Å‹ÒÊØ´
                ñò ¡Ã¡®Ò¤Á òõöñ).





              ๑๘๘                                                             เลมที่ ๑ ปที่ ๖๕
   194   195   196   197   198   199   200   201   202   203   204