Page 206 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๑-๒๕๖๑-กฎหมายฯ
P. 206

´ØÅ¾ÒË





                 ปราดเปรียว และเราตองตัดสินวาอาชีพที่นาจะเปนของชายหนุมผูนี้คืออะไรโดยเลือก

                 ระหวางนักกีฬาบาสเกตบอลหรือพนักงานบริษัท คําตอบแรกของเรานาจะเปนนักกีฬา
                 บาสเกตบอล เพราะรูปรางและลักษณะของชายหนุมผูนี้ตรงกันกับนักกีฬาบาสเกตบอล
                 ทั่วไป ทั้งที่หากพิจารณาตามสถิติและความนาจะเปนแลว ชายหนุมที่ทํางานเปนพนักงาน

                 บริษัทนาจะมีสูงกวานักกีฬาบาสเกตบอลมาก


                         การคิดลัดเชนนี้อาจเรียกใหเขาใจไดงายๆ วาเปนการเหมารวม (stereotype)
                 โดยดูเอาจากบุคลิกลักษณะโดยผิวเผินของบุคคลนั้นๆ วาตรงกับภาพจําของคนสวนใหญ

                 ในกลุมที่เปนคําถามหรือไม แตการเหมารวมดังกลาวยอมนํามาซึ่งอคติและความคิด



                 แบงแยก เชน ความคิดแรกเมื่อเห็นคนขับรถที่ขับไมเกงหรือไมคอยมีมารยาทจราจรนัก
                 มักเปน “คนขับตองเปนผูหญิงแนๆ” หรือเมื่อเห็นนักเรียนจากสถาบันการศึกษาที่มักมี
                 เหตุวิวาทชกตอยกับนักเรียนจากสถาบันอื่นบอยครั้ง เราก็อาจเผลอคิดไปไดวานักเรียน

                 ที่เราเห็นผูนั้นนาจะประพฤติตัวเกเร เลือดรอน และไมใสใจเรียนหนังสือ อคติที่ผุดขึ้นมา
                 โดยอัตโนมัตินี้มีอันตรายตรงที่มันจะทําใหเราหลงลืมไมตรวจสอบสถิติกับขอเท็จจริง

                 (base-rate neglect) และไพลเชื่อไปตามที่อคติชี้นําซึ่งอาจนําไปสูการเลือกปฏิบัติ
                 ในการกระทําตอไป


                         ในแงนี้การคิดแบบเหมารวมจึงเปนภัยตอการทํางานของนักกฎหมายมาก โดยเฉพาะ
                 สําหรับผูพิพากษาซึ่งตองเปนกลางและปราศจากอคติใดๆ ตอคูความ จึงเปนเรื่องสําคัญ

                 ที่ผูพิพากษาพึงหมั่นสํารวจอคติจากการเหมารวมของตนอยูเนืองๆ เชน ในคดียาเสพติด
                 ซึ่งโดยมากมีแตประจักษพยานเบิกความยันกัน ผูพิพากษาตองพึงระวังมิใหเกิดอคติที่ทําให

                 เชื่อหรือไมเชื่อคําพยานเพียงเพราะฝายหนึ่งเปนเจาพนักงานที่ “ปฏิบัติงานไปตามหนาที่
                 โดยสุจริตและไมมีสาเหตุโกรธเคืองกับจําเลย” สวนอีกฝายเปนชาวบานที่ “อาศัยอยูในพื้นที่

                 แพรระบาดของยาเสพติด”

                         การสํารวจอคติเชนวานี้จําเปนอยางยิ่ง และมิใชแตเพียงอคติจากการเหมารวม

                 เทานั้น หากแตตองรูทันอคติทุกประเภท เพราะเมื่อใดที่อคติเขาครอบงําการตัดสินใจ
                 ของเราแลว ก็จะเกิดปรากฏการณอีกอยางหนึ่งเรียกวา “อคติการหาเหตุผลเขาขางตนเอง”

                 (confi rmation  bias)  คือการที่เราจะมุงมองหาแตหลักฐานหรือเหตุผลสนับสนุน
                 ความคิดหรือความเชื่อของเรา และละเลยมองขามหลักฐานหรือเหตุผลที่อาจหักลางเราได

                 ซึ่งจะยิ่งทําใหการตัดสินใจของเรามีขอบกพรองมากขึ้นนั่นเอง




                 มกราคม - เมษายน ๒๕๖๑                                                      ๑๙๕
   201   202   203   204   205   206   207   208   209   210   211