Page 208 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๑-๒๕๖๑-กฎหมายฯ
P. 208

´ØÅ¾ÒË





                 การลดเงินเดือนก็ดี ราคาสินคาหรือบริการที่สูงขึ้นก็ดี ทําใหเรา “สูญเสีย” สิ่งที่เราเคยมีมากอน
                 (คือเงินเดือนกอนลดซึ่งสูงกวานี้ และราคาสินคาที่ถูกกวานี้กอนขยับขึ้น) และความรูสึก

                 สูญเสียนี่เองที่สรางบรรทัดฐานเรื่องความเปนธรรมในตลาด ซึ่งธุรกิจที่อยากสราง
                 ภาพลักษณที่ดีตอลูกคาและสังคมพึงตองปฏิบัติตาม เพราะมิเชนนั้นอาจถูกลูกคาลงโทษ


                         ในแงของการลงโทษอันเนื่องจากขอเสนอหรือการปฏิบัติที่ไมเปนธรรมนี้ หนังสือ
                                                                                   ๑๕
                 เรื่อง Misbehaving ยังเลาถึงการทดลองเพื่อพิสูจน “ความยุติธรรม”  ดวยการให
                 ผูเขารวมการทดลองเลนเกมโดยตองเลือกวาจะแบงเงินที่ตนไดจากผูวิจัยจํานวนหนึ่งแกผูเลน

                 อีกคนหรือไม ซึ่งผูเลนอีกคนนั้นสามารถปฏิเสธไมรับเงินได แตหากปฏิเสธก็จะไมมีใคร
                 ไดเงินเลย การทดลองนี้ไมวาจะทําซํ้าๆ สักกี่หน และทําขึ้นที่ใดก็ตามลวนใหผลตรงกันวา
                 หากผูเลนที่แบงเงินเสนอขอเสนอที่ “ไมเปนธรรม” เชน เสนอแบงใหนอยกวารอยละ ๒๐ แลว

                 แมตามหลักเศรษฐศาสตรจะทํานายวาผูเลนอีกคนควรจะรับขอเสนอ เพราะนอยนิดก็ยังดี
                 กวาไมไดอะไรเลยนั้น แตผูเลนอีกฝายมักจะปฏิเสธไมขอรับเงินเลยเพื่อเปนการลงโทษผูเลน
                 ที่ “เห็นแกตัว” ดังนั้น ผลลัพธของเกมนี้จึงกลายเปนวาขอเสนอแบงเงินจะใกลเคียงกวา

                 รอยละ ๕๐ เปนสวนใหญ ผลลัพธดังกลาวแสดงใหเห็นวา คนเรามิได “เห็นแกตัว”
                 ไปเสียหมดเหมือนที่เศรษฐศาสตรกระแสหลักตั้งสมมติฐานไว และพรอมจะสละประโยชน

                 สวนตัวเพื่อลงโทษผูที่กระทําการอัน “ไมเปนธรรม”

                         และดวยกลไกของการลงโทษนี้เองที่ทําใหคนในสังคมยังคงดํารงความเกื้อกูล
                 ตอกันไวได เพราะกลยุทธเห็นแกตัวและเอารัดเอาเปรียบจะใชไดดีก็ตอเมื่อการติดตอ

                 สัมพันธกันเกิดขึ้นเพียงหนเดียว (เหมือนเกมที่เลนแคครั้งเดียว) และไมเปนที่รับรูของ
                 บุคคลอื่น แตหากการติดตอสัมพันธเกิดขึ้นกันซํ้าๆ (เหมือนเกมที่เลนกันหลายตา) หรือมี
                 บุคคลอื่นรับรูดวย ทั้งคนที่ถูกเอาเปรียบและบุคคลอื่นที่รับไมไดกับการเอาเปรียบนั้นก็จะ

                 เอาคืนฝายที่เห็นแกตัว “เพื่อความเปนธรรม” และทําใหในที่สุดความเห็นแกตัวก็อาจกลาย
                 เปนกลยุทธที่ไมมีประสิทธิภาพอีกตอไป


                         ทฤษฎีความคาดหวัง (prospect theory) กับการสูคดีหรือยอมความ

                         ในแวดวงจิตวิทยาเปนที่รูกันมานานแลววา คนสวนใหญหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและ

                 การสูญเสีย แตกระนั้นคนเราก็มีพฤติกรรมประหลาดที่ชอบเสี่ยงโชคในสถานการณที่โอกาส

                 ñõ. ͋ҹÃÒÂÅÐàÍÕ´䴌㹠Daniel Kahneman, Jack L. Knetsch, and Richard H. Thaler, “Fairness and

                     the Assumptions of Economics,” Journal of Business 59, no. 4 part 2 (1986) : S 285 - 300.




                 มกราคม - เมษายน ๒๕๖๑                                                      ๑๙๗
   203   204   205   206   207   208   209   210   211   212   213