Page 212 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๑-๒๕๖๑-กฎหมายฯ
P. 212

´ØÅ¾ÒË





                         ปรากฏการณดังกลาวมีชื่อตามที่ศาสตราจารยคาฮนะมันและทเวอรสกีตั้งใหวา

                 “ตรรกะวิบัติในการวางแผน” (planning fallacy) โดยหนังสือเรื่อง Thinking, fast and
                 slow อธิบายวาภาวะตรรกะวิบัตินี้เกิดจากฤทธิ์เดชของระบบที่ ๑ ในสมองเราที่ประมวลผล
                 จากขอมูลเทาที่เห็นหรือมีเทานั้น (ซึ่งมีชื่อเรียกวาภาวะ “สิ่งที่เห็นคือทุกสิ่งที่เปน – What

                 You See Is All There Is : WYSIATI) กลาวคือ

                            เมื่อเราวางแผนจะทําสิ่งใด เราก็จะจดจออยูแตกับเปาหมายและแผนของเรา
                           จนละเลยตรวจสอบสถิติของผลแหงความพยายามในทํานองเดียวกันของคน
                           อื่นๆ กอนหนาเรา (เชนในแงของการวางแผนกระทําความผิด อาชญากรอาจลืม

                           ตรวจสอบไปวามีคนอื่นที่ถูกจับและลงโทษในเรื่องนั้นๆ ไปมากนอยสักเทาไร)

                            เราจะจดจออยูแตกับสิ่งที่เราอยากทําและที่เราทําได โดยละเลยแผนการและ
                           ความชํานาญของคนอื่นที่อยูฝายตรงขามกับเรา (อาชญากรก็อาจลืมนึกถึงหรือ
                           นึกโดยสบประมาทความสามารถของตํารวจในการสืบสวนสอบสวนและจับกุม

                           ผูทําผิด)

                            เรามัวแตใหนํ้าหนักแกทักษะและความชํานาญในความสําเร็จของแผน แตลืมคิด
                           ไปวา “โชค” เองก็มีอิทธิพลสําคัญอยางยิ่ง เราจึงมักหลงเชื่อไปวาเรา “เอาอยู”
                           (illusion of control)

                            เราเนนคํานึงถึงแตสิ่งที่เรารู แตหลงลืมที่จะสํารวจสิ่งที่เราไมรู จึงทําใหเราหลง

                           มั่นใจในความเชื่อของเราจนเกินไป

                         ดังนั้น เมื่ออาชญากรเกิดภาวะมั่นใจลนเกินเชนนี้แลว จึงไมนาแปลกใจที่ไมวา

                 จะลงโทษสูงสักเพียงใด ก็ไมอาจปองปรามได เพราะอาชญากรลวนยามใจวาถึงอยางไรก็จะไม
                 ถูกจับ แลวจะทําอยางไรดี ยอนกลับไปที่การศึกษาเกี่ยวกับโทษประหารชีวิตกับการ

                 ปองปรามอาชญากรรมซึ่งยืนยันตรงกันวา แทนที่จะเปนโทษประหาร กลับเปนโอกาส
                 ที่จะถูกจับกุมตางหากที่ปองปรามอาชญากรรมไดอยางมีประสิทธิภาพ เพราะหากตํารวจ

                 ไมอาจจับกุมผูกระทําผิดไดแลว ไมวาโทษจะสูงสักเพียงใดก็ไมอาจยับยั้งการกระทําความผิด
                 ได ดังนั้น หากรัฐเสริมประสิทธิภาพในการจับกุมผูกระทําผิด (ที่ถูกคน) ใหเกิดขึ้นเปนปกติ

                 สมํ่าเสมอแลว สิ่งนี้ยอมจะกลายเปน “ภาพจํา” หรือขอมูลที่ตั้งเดนในสมองของอาชญากร
                 (availability heuristic) ที่จะทําใหเขาตองฉุกคิดวาไมอาจลอยนวลหนีความผิดไปได

                 และยอมทําใหเกิดความหวาดกลัวไมกลากระทําความผิดในที่สุด






                 มกราคม - เมษายน ๒๕๖๑                                                       ๒๐๑
   207   208   209   210   211   212   213   214   215   216   217