Page 207 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๑-๒๕๖๑-กฎหมายฯ
P. 207
´ØÅ¾ÒË
ความยุติธรรมกับความรูสึกเปนเจาของ (endowment effect) และการ
หลีกเลี่ยงความสูญเสีย (loss aversion)
ในหนังสือเรื่อง Misbehaving ศาสตราจารยเธเลอรเลาถึงการทดลองคลาสสิก
ของตนและคณะที่ถูกนําไปทําซํ้าครั้งแลวครั้งเลา และก็พิสูจนชัดเจนทุกทีไปวาคนเรายึดติด
กับสิ่งที่ตนครอบครองไดในฉับพลันทันที และจะไมยอมปลอยมือจาก “ของหวง” นั้น
ไปไดงายๆ
๑๔
ในการทดลองเรื่อง “แกวกาแฟ” ผูรวมการทดลองที่สามารถทําการซื้อขายเหรียญ
(ซึ่งถูกกําหนดมูลคาแทนเงินสด) ไดอยางมีเหตุผลตามหลักเศรษฐศาสตรในการทดลอง
กอนหนานั้น มาในครั้งนี้ไดรับแจกแกวกาแฟแบบสุม ผูไดรับแกวกาแฟจะเปนผูขายแกวนั้น
สวนคนอื่นๆ เปนผูซื้อ เมื่อมีการเปดตลาดใหซื้อขายกัน ปรากฏวาผูมีแกวกาแฟอยูกับตัว
ไมคอยอยากขาย สวนคนซื้อก็ไมกระตือรือรนนัก ทําใหตลาดการซื้อขายแกวกาแฟซบเซา
ชางผิดไปจากบรรยากาศการซื้อขายเหรียญกอนหนานั้นลิบลับ
สาเหตุของ “ความไรเหตุผล” เชนนี้มาจากความรูสึกเปนเจาเขาเจาของที่เกิดขึ้น
ไดอยางรวดเร็ว แมจะเพียงไมกี่วินาทีใหหลังจากการไดรับสิ่งของเชนแกวกาแฟ และเมื่อเรา
รูสึกวาเราไดอะไรมาแลว เนื่องจากสมองของเราเกลียดกลัวการสูญเสีย เราจึงมักไมคอย
อยากจะปลอยมือจากสิ่งของที่กลายเปนของหวงไปแลว และอาการเกลียดกลัวการสูญเสีย
นี่เองที่ทําใหเรามักจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงหรือการสูญเสีย และทําใหเรามักประสบ
“ความเฉื่อยเนือย” (inertia) ตอความเปลี่ยนแปลงอยูเสมอ แมวาความเปลี่ยนแปลงนั้น
จะเปนสิ่งดี ซึ่งปรากฏการณเฉื่อยหรือกระทั่งตอตานความเปลี่ยนแปลงนั้นมีที่มาจาก
“อคติไมอยากเปลี่ยนแปลง” (status quo bias) ซึ่งก็มีรากฐานมาจากการหลีกเลี่ยง
ความสูญเสียในระบบคิดของเรานั่นเอง
เมื่อสมองของเรายึดติด หวงของ และไมชอบความสูญเสียเชนนี้ จึงไมนาแปลกใจ
วาขาวการลดเงินเดือนเพราะเศรษฐกิจไมดี หรือการขึ้นราคาสินคาตามอุปสงคหรือความ
ตองการที่พุงสูงขึ้น (ซึ่ง “มีเหตุผล” ตามหลักเศรษฐศาสตร) จึงเปนขาวที่คนสวนใหญ
รับไมคอยได และหลายคนมองวาไมเปนธรรมหรือขูดรีดเสียดวยซํ้า ที่วาไมเปนธรรมก็เพราะ
ñô. ͋ҹÃÒÂÅÐàÍÕ´䴌㹠Daniel Kahneman, Jack L. Knetsch, and Richard H. Thaler, “Anomalies :
The Endowment Effect, Loss Aversion, and Status Quo Bias,” Journal of Economic
Perspectives 5, no.1 (1991) : 193 - 206.
๑๙๖ เลมที่ ๑ ปที่ ๖๕