Page 209 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๑-๒๕๖๑-กฎหมายฯ
P. 209
´ØÅ¾ÒË
ชนะนอยอยางยิ่ง เชน ในคดีความก็มีเห็นกันอยูเนืองๆ วา จําเลยบางคนที่ขอตอสูไมคอยมี
นํ้าหนักนักแตกลับยืนกรานจะสูคดีจนถึงที่สุด ไมยอมประนีประนอมในคดีแพงหรือรับสารภาพ
ในคดีอาญาทั้งที่อาจเปนประโยชนมากกวา พฤติกรรมเสี่ยงโชค (ที่ดูเหมือนไมคอยมีเหตุผล)
เชนนี้เกิดขึ้นไดเพราะเหตุใด
ในหนังสือเรื่อง Thinking, fast and slow ซึ่งถือเปนคัมภีรยอมๆ ของหลัก
จิตวิทยาการตัดสินใจ และหนังสือเรื่อง Misbehaving กลาวถึงทฤษฎีโดยศาสตราจารย
คาฮนะมันและทเวอรสกี ที่ปจจุบันนี้ยังไดรับการอางอิงถึงในแวดวงวิชาการทั้งจิตวิทยาและ
๑๖
เศรษฐศาสตรอยางกวางขวางคือ ทฤษฎีความคาดหวัง ซึ่งสามารถนําไปใชตอบคําถาม
ขางตนไดดวยขอคนพบดังตอไปนี้
เมื่อสถานะ (status quo) ของเราเปลี่ยนแปลง สถานะที่ดีขึ้นกวาเดิมคือ
ประโยชนที่ไดรับ (gain) สวนสถานะที่แยลงกวาเดิมคือความสูญเสีย (loss)
ความเปลี่ยนแปลงระลอกแรกที่เราประสบนั้นกระทบตอความรูสึกเรามากกวา
ความเปลี่ยนแปลง (ในทํานองเดียวกัน) ระลอกถัดมา เชน หากแตเดิมเรา
มีเงินอยู ๑,๐๐๐ บาท การไดรับเงินอีก ๑,๐๐๐ บาท ยอมทําใหเราดีใจ และ
แนนอนวาถาตอมาเราไดอีก ๑,๐๐๐ บาท เราก็จะดีใจเชนกัน แตระดับความดีใจ
ของเราในครั้งหลังนั้นยอมไมมากเทาครั้งแรก ในทํานองเดียวกัน หากเราตอง
เสียเงิน ๑,๐๐๐ บาท ไป เรายอมเสียใจและจะยังคงเสียใจถาหากเราตองเสียเงิน
เพิ่มอีก ๑,๐๐๐ บาท แตความเสียใจในการเสียเงินครั้งหลังนั้นไมเทากับความ
เสียใจในครั้งแรก ปรากฏการณนี้มีชื่อเรียกในทางวิชาการวา “การถดถอยทาง
ความรูสึก” (diminishing sensitivity)
หากใหเทียบกันระหวางประโยชนที่ไดรับกับการสูญเสียในระดับที่เทากัน เชน
ไดเงินเพิ่ม ๑,๐๐๐ บาท กับเสียเงิน ๑,๐๐๐ บาท เราจะรูสึกรุนแรงตอการ
เสียเงิน ๑,๐๐๐ บาท มากกวา หรือก็คือความสูญเสียนั้นเดนชัดในความรูสึกเรา
มากกวา ซึ่งทําใหเราหลีกเลี่ยงการสูญเสีย (loss averse) นั่นเอง
ñö. ͋ҹÃÒÂÅÐàÍÕ´䴌·Õè Daniel Kahneman, and Amos Tversky. “Prospect Theory : An Analysis
of Decision under Risk.” Econometrica 47, no. 2 (1979) : 263 – 291 áÅÐ͋ҹÍ͹äŹ
ä´Œ·Õè www.jstor.org/stable/1914185 (Ê׺¤Œ¹Çѹ·Õè ñò ¡Ã¡®Ò¤Á òõöñ).
๑๙๘ เลมที่ ๑ ปที่ ๖๕