Page 35 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๑-๒๕๖๑-กฎหมายฯ
P. 35
´ØžÒË
สถาบันวิจัยและพัฒนารพีพัฒนศักดิ์ไดเริ่มทําการวิจัยเรื่องการปลอยชั่วคราว เมื่อเดือน
ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งแนวคิดของโครงการนี้มาจากบทความเรื่อง “อิสรภาพราคาแพง
สําหรับคนจนในการปลอยชั่วคราว : สภาพปญหาและการแกไข” ในวารสารดุลพาห ของทาน
ธัญญานุช ตันติกุล ในบทความนี้ทานธัญญานุชไดเขียนถึงปญหาของการปลอยชั่วคราว
หลายประการ เนื่องจากผูตองหาหรือจําเลยจํานวนหนึ่งไมไดรับการปลอยชั่วคราวและทําให
เกิดความเหลื่อมลํ้า จึงไดเสนอแนวทางแกไขปญหาหลายประการ แตแนวทางแกไขปญหา
ที่นาสนใจที่สุดคือ การสรางระบบประเมินความเสี่ยงในการปลอยชั่วคราว โดยศึกษา
ประสบการณจากประเทศสหรัฐอเมริกา ตอมาไดกําหนดเปนหัวขอวิจัยของสถาบันวิจัยและ
พัฒนารพีพัฒนศักดิ์ ตั้งแต พ.ศ. ๒๕๕๘ จนถึงปจจุบัน
ประเด็นที่นาสนใจคือการประเมินความเสี่ยงเปนเรื่องใหมหรือไม เมื่อเริ่มโครงการ
มีขอคิดวาโครงการวิจัยเรื่องนี้ เห็นควรชอบที่จะทําหรือไม เนื่องจากการปลอยชั่วคราว
ในแตละคดีผูพิพากษาไดทําการประเมินความเสี่ยงดวยตนเองอยูแลวในการใชดุลพินิจวา
สั่งอนุญาตใหปลอยชั่วคราวหรือไม โดยแทจริงแลวยังพบปญหาอยู ผมปฏิบัติงานในศาลชั้นตน
๒๐ ป และในศาลจังหวัดอีกหลายจังหวัด ไดสั่งงานประกันมาตลอด ผูพิพากษาในชั้นอุทธรณ
ที่สั่งประกันจะไมทราบวาผูตองหาหรือจําเลยหลบหนีหรือไม เนื่องจากเมื่อศาลชั้นตน
ทราบวามีการหลบหนีหรือไม ก็ไมตองรายงานศาลชั้นอุทธรณอีก ในขณะเดียวกันตามสถิติคดี
จะมีอัตราการหลบหนีเพียงแค ๓ - ๕ เปอรเซ็นตของการปลอยชั่วคราวทั้งหมด เนื่องจาก
ผูตองหาหรือจําเลยสวนใหญมิไดยื่นคํารองขอปลอยชั่วคราว ฉะนั้น ผูพิพากษาสวนมาก
จะรูวาควรสั่งปลอยชั่วคราวอยางไร โดยการประเมินความเสี่ยงดวยตนเอง แตมีความเสี่ยง
เพียงใดนั้นทานไมทราบ ในความเห็นสวนตัว ผมมีความรูในเรื่องประกันไมนอยกวาผูพิพากษา
ทานอื่น เชน การปลอยชั่วคราวเปรียบเสมือนเคกกอนใหญที่มีหนาแตกตางกัน ฉะนั้น
ผูตองหาหรือจําเลยที่ไดรับการปลอยชั่วคราวจํานวนเปนแสน แตมีอัตราการหลบหนีเพียง
๕ เปอรเซ็นต ดังนั้น ควรจะมีการวิจัยเรื่องนี้ ยังเห็นวาวิธีการประเมินความเสี่ยงของประเทศ
สหรัฐอเมริกาเปนวิธีที่นาสนใจ จึงเสนอหัวขอวิจัยนี้ขึ้นมาโดยนําทฤษฎีพฤติกรรมศาสตร
มาใชในการวิเคราะหในการประเมินความเสี่ยงและสรางเครื่องมือสนับสนุนในการปฏิบัติงาน
ของผูพิพากษาไดหรือไม ในที่สุดคณะกรรมการก็อนุมัติใหลองทําการวิจัยเรื่องนี้กอน ซึ่งทาน
ชาญณรงค ปราณีจิตต ซึ่งเปนผูพิพากษาหัวหนาคณะในศาลอุทธรณเปนผูดูแลสถาบันวิจัย
และพัฒนารพีพัฒนศักดิ์ดวย ไดเห็นวาวิจัยเรื่องนี้มีความสําคัญอยางยิ่ง การทําวิจัยอาจจะชา
๒๔ เลมที่ ๑ ปที่ ๖๕