Page 40 - คู่มือปฏิบัติงานศาลอาญาคดีทุตจริตฯ
P. 40
คู่มือการปฏิบัติงานศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
| 29
๒. คดีที่ฟ้องขอให้ลงโทษจ าเลยตาม ป.อ. มาตรา ๑๓๘ ไม่ใช่คดีทุจริตฯ
(ค าวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ที่ วท.๗/๒๕๖๐ และ วท.๘/๒๕๖๐)
๓. คดีที่ฟ้องขอให้ลงโทษจ าเลยตาม ป.อ. มาตรา ๑๓๙ ถือเป็นคดีทุจริตฯ
(ค าวินิจฉัยประธานศาลอุทธรณ์ที่ วท.๖/๒๕๖๑)
4. คดีที่ฟ้องขอให้ลงโทษจ าเลยตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง
พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๒๗ และ มาตรา ๔๓ และ พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎรและการได้ซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐ มาตรา ๗๖ และมาตรา ๑๕๒ (กฎหมายเก่า)
เกี่ยวกับ การขัดขวางไม่ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจังหวัด (พัทลุง) เข้าไป ณ ที่เลือกตั้งกลางในเขต
จังหวัด และร่วมกันน ากุญแจโซ่เหล็กคล้องประตู และชุมนุมปิดล้อมขวางถนนทางเข้าออก
สถานที่เลือกตั้งกลาง ท าให้เจ้าพนักงานผู้ด าเนินการเลือกตั้งไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ และ
ต้องประกาศงดการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้งที่ ๓ จังหวัดพัทลุง การกระท า
ดังกล่าวยังไม่ถือเป็นการใช้ก าลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้ก าลังประทุษร้าย หรือใช้อิทธิพล
เพื่อจูงใจหรือข่มขืนใจเจ้าพนักงาน จึงไม่ใช่คดีทุจริตฯ ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งฯ มาตรา ๓ (๓)
(ค าวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ที่ ๕/๒๕๖๐)
5. ค าวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ที่ วท.๑๘/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า พ.ร.บ.
จัดตั้งฯ มาตรา ๓ บัญญัติว่า “คดีทุจริตและประพฤติมิชอบ” หมายความว่า คดีดังต่อไปนี้ ไม่ว่า
จะมีข้อหาหรือความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องรวมอยู่ด้วยหรือไม่ก็ตาม ดังนั้น การพิจารณาว่าคดีใดเป็น
คดีทุจริตฯ หรือไม่ ต้องพิจารณาทั้งคดี เมื่อคดีนี้โจทก์ฟ้องจ าเลยทั้งสองมาเป็นคดีเดียวกัน
แม้จะบรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๔ เฉพาะจ าเลยที่ ๒ เพียงคนเดียว
ก็เป็นคดีอาญาที่ฟ้องขอให้ลงโทษบุคคลตาม พ.ร.บ. จัดตั้งฯ มาตรา ๓ (๓) จึงเป็นคดีทุจริตฯ
อยู่ในอ านาจศาลอาญาคดีทุจริตฯ (อุทธรณ์แดงที่ 10950/2561 ระหว่าง พนักงานอัยการ
จังหวัดนราธิวาส โจทก์ นายเจ๊ะอาเร๊ะหรือซัน มามุ ที่ 1 กับพวก)
ค าวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ที่ วท.๙ – ๑๐/๒๕๖๑ วินิจฉัยว่า
แม้ศาลชั้นต้นมีค าสั่งให้รวมการพิจารณาคดีทั้งสองเข้าด้วยกัน แต่ทั้งสองส านวนยังคงมีสถานะ
เป็นคดีที่แยกต่างหากจากกัน เห็นควรวินิจฉัยเป็นรายคดีไป (ทั้งสองส านวนจ าเลยทุกคนร่วมกัน
กระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจ านวนเดียวกัน แต่โจทก์ฟ้องมาไม่พร้อมกัน เนื่องจากจับ
จ าเลยทั้งสองส านวนไม่พร้อมกัน) คดีแรก โจทก์ฟ้องจ าเลยทั้งสี่ในข้อหาร่วมกันกระท าความผิด