Page 41 - คู่มือปฏิบัติงานศาลอาญาคดีทุตจริตฯ
P. 41
คู่มือการปฏิบัติงานศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
| 30
เกี่ยวกับยาเสพติด และฟ้องจ าเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ ในข้อหาให้สินบนแก่เจ้าพนักงาน จึงเป็น
คดีทุจริตฯ ตาม พ.ร.บ. วิ. จัดตั้งฯ มาตรา ๓ (๓) อยู่ในอ านาจพิจารณาพิพากษาของศาลอาญา
คดีทุจริตฯ ส่วนคดีที่สอง โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจ าเลยทั้งสองในข้อหาร่วมกันกระท าความผิด
เกี่ยวกับยาเสพติด หาได้บรรยายฟ้องหรือมีค าขอให้ลงโทษจ าเลยทั้งสองในความผิดตาม
ป.อ. มาตรา ๑๔๔ จึงไม่ใช่คดีทุจริตฯ คดีไม่อยู่ในอ านาจของศาลอาญาคดีทุจริตฯ
หมายเหตุ
การพิจารณาว่าคดีใดเป็นคดีทุจริตฯ หรือไม่ ค าวินิจฉัยของประธาน
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้พิจารณา “ทั้งคดี” กล่าวคือ แม้จะมีจ าเลยหลายคนถูกฟ้องมาในคดี
เดียวกัน แต่ถ้าจ าเลยคนใดคนหนึ่งถูกฟ้องในข้อหาคดีทุจริตฯ มาด้วย คดีดังกล่าว “ทั้งคดี”
ก็เป็นคดีทุจริตฯ อยู่ในอ านาจของศาลอาญาคดีทุจริตฯ อย่างไรก็ตาม หากโจทก์ไม่ได้ฟ้องจ าเลย
ทุกคนมาคราวเดียวกัน แม้ในภายหลังมีการรวมการพิจารณาคดีเข้าด้วยกัน ค าวินิจฉัยของ
ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยต่อไปว่า ส านวนแต่ละส านวนยังคงมีสถานะเป็นคดีที่แยกต่างหาก
จากกัน จึงควรวินิจฉัยเป็นรายคดีไป โดยส านวนคดีใดมีจ าเลยถูกฟ้องในข้อหาคดีทุจริตฯ มาด้วย
ให้ส านวนดังกล่าว “ทั้งคดี” เป็นคดีทุจริตฯ ส่วนส านวนคดีใดไม่มีจ าเลยถูกฟ้องในข้อหาคดีทุจริตฯ
มาด้วย ส านวนดังกล่าวก็ไม่ใช่คดีทุจริตฯ ซึ่งค าวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์ดังกล่าวยังมี
ความเห็นทางวิชาการที่แตกต่างกัน ดังนี้
ความเห็นที่หนึ่ง เห็นด้วยกับเหตุผลในค าวินิจฉัยของประธาน
ศาลอุทธรณ์ข้างต้น
ความเห็นที่สอง เห็นว่า การพิจารณาว่าคดีใดเป็นคดีทุจริตฯ หรือไม่
ต้องพิจารณาจ าเลยเป็นรายบุคคล จ าเลยคนใดไม่ได้ถูกฟ้องขอให้ลงโทษในความผิดคดีทุจริตฯ ด้วย
คดีของจ าเลยคนดังกล่าวก็ไม่ใช่คดีทุจริตฯ เนื่องจากตาม พ.ร.บ.จัดตั้งฯ มาตรา 7 บัญญัติให้
ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีอ านาจพิจารณาพิพากษาคดีทุจริตฯ และตาม พ.ร.บ. จัดตั้งฯ มาตรา 3
บัญญัติว่า “คดีทุจริตและประพฤติมิชอบ” หมายความว่า คดีดังต่อไปนี้ไม่ว่าจะมีข้อหาหรือ
ความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องรวมอยู่ด้วยหรือไม่ก็ตาม (1)...(2)...(3)...(4)...(5)...(6)...(7).. (8)...ฯลฯ
ซึ่งค าว่าคดีดังต่อไปนี้ หมายความถึงคดีอาญาที่ฟ้องให้ลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลใน
ความผิดตาม (1) ถึง (4) คดีอาญาฟ้องให้ลงโทษบุคคลที่ร่วมกระท าความผิดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ
หรือบุคคลตาม (1) ถึง (4 ) ไม่ว่าในฐานะตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน หรือผู้สมคบ ตาม (5) และ