Page 29 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 29

27

                                                                                                                       8

                         จ าเลยมีภาระดูแลมารดาซึ่งอยู่ในวัยชรา ทั้งผู้บังคับบัญชาได้ออกหนังสือรับรองการปฏิบัติงานท้าย

               ฎีกาว่าในช่วงที่จ าเลยปฏิบัติหน้าที่ก่อนเกิดเหตุระหว่างปี ๒๕๔๑ ถึงปี ๒๕๔๕ จ าเลยมีความประพฤติ
               เรียบร้อย ตั้งใจปฏิบัติงานตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายด้วยดีมาโดยตลอด เมื่อจ านวนเงินที่จ าเลยเบียดบัง

               แต่ละครั้งไม่มากนัก (๓,๙๔๐ บาท) และยังชดใช้คืนให้แก่ผู้เสียหายครบถ้วนแล้ว และการที่จ าเลยให้การรับ

               สารภาพนับว่าลุแก่โทษในการกระท าของตนเอง เมื่อไม่ปรากฏว่าจ าเลยเคยได้รับโทษจ าคุกมาก่อน เพื่อให้
               จ าเลยได้มีโอกาสได้กลับตัวเป็นพลเมืองดี จึงเห็นสมควรรอการลงโทษจ าคุกแก่จ าเลย แต่เพื่อให้จ าเลยหลาบ

               จ าไม่กระท าความผิดใด ๆ ขึ้นอีก ให้ลงโทษปรับอีกสถานหนึ่งและคุมความประพฤติของจ าเลยไว้ด้วย


                         ๒๔๐๙/๒๕๖๐ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๑๕๗ ประกอบมาตรา ๘๓ ให้รอการกาหนดโทษไว้เป็น
               เวลา ๓ ปี (ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จ าเลยทั้งสามมีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๑๕๑ ทางน าสืบของจ าเลยทั้ง

               สามเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจ าคุกคนละ ๓ ปี ๔
               เดือน)


                         เมื่อได้ค านึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ อาชีพ และสภาพความผิด คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อระหว่างวันที่
               ๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๖ ถึงวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๗ โจทก์น าคดีมาฟ้องวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ เป็นเวลา

               ๑๑ ปี ขณะฟ้องจ าเลยที่ ๑ อายุ ๖๔ ปี จ าเลยที่ ๒ อายุ ๕๔ ปี และจ าเลยที่ ๓ อายุ ๕๓ ปี ทั้งหมดรับ

               ราชการครู มีความประพฤติเรียบร้อย กระท าความผิดขึ้นจากความครอบง าของผู้บริหาร เป็นเพียงการไม่
               ปฏิบัติตามระเบียบ และถูกลงโทษทางวินัยมาแล้ว ไม่ปรากฏว่าจ าเลยทั้งสามได้รับโทษจ าคุกมาก่อน สมควร

               ให้โอกาสได้อยู่ในสังคมต่อไป (ความเสียหาย ๗๒,๐๐๐ บาท และมีการคืนเงินนั้นให้แก่โรงเรียนแล้ว)

                         ๖๑๑๔/๒๕๖๐ มีความผิดตาม ป.อ ๑๔๗ (เดิม) และมาตรา ๑๕๑ (เดิม) รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่ง

               หนึ่ง คงจ าคุก ๒ ปี ๖ เดือน และปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท รอการลงโทษ

                                                ิ
                         แม้จ าเลยเป็นเจ้าพนักงานปฏบัติหน้าที่โดยทุจริต แต่ภายหลังจ าเลยน าเงินที่ได้จากการขายศาลา
               ทรงไทยกลางน้ าของเทศบาลต าบล ป.จ านวน ๑๕,๐๐๐ บาท คืนเป็นรายได้ของเทศบาลต าบล ป.ไปแล้ว

               และในชั้นพิจารณาจ าเลยก็ให้การรับสารภาพ นับว่าจ าเลยได้บรรเทาผลร้ายแห่งความผิดและรู้ส านึกใน
               ความผิดแห่งตน เมื่อไม่ปรากฏว่าจ าเลยได้รับโทษจ าคุกมาก่อน จึงน่าที่จะให้โอกาสจ าเลยได้กลับตัว

               ประพฤติตนเป็นพลเมืองดี

                         ๕๗๙๙/๒๕๖๒ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๑๕๗ (เดิม) ทางไต่สวนจ าเลยให้ความรู้แก่ศาล ลดโทษ

               ให้หนึ่งในสาม คงจ าคุก ๑ ปี และปรับ ๑๐,๐๐๐ บาท โทษจ าคุกรอการลงโทษและคุมความประพฤติ

                        ก่อนที่จ าเลยจะอนุมัติให้วางฎกาขอเบิกเงิน ฎีกาดังกล่าวผ่านการตรวจพิจารณาของหัวหน้าส่วนการ
                                                ี
               คลังและปลัดองค์การบริหารส่วนต าบล ศ.โดยไม่มีการทักท้วง และไม่ปรากฎว่าจ าเลยบังคับขู่เข็ญบุคคล

               ดังกล่าวแต่อย่างใด ประกอบกับเมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๒ ภายหลังจากจ าเลยฟังค าสั่งศาลฎีกาที่
   24   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34