Page 27 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 27

25

                                                                                                                       8




               ๗.ควำมผิดต่อเจ้ำพนักงำนในกำรยุติธรรม

                    รอกำรลงโทษ


                         ๕๖๗๗/๒๕๕๕ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๑๗๗ วรรคสอง จ าคุก ๑ ปี ๖ เดือน


                         จ าเลยมีอายุ ๗๐ ปีเศษ อยู่ในวัยชรา ทั้งมีปัญหาด้านสุขภาพต้องได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์
               ประกอบกับจ าเลยประกอบคุณงามความดีช่วยเหลือสังคมและส่วนราชการมาโดยตลอด แม้จ าเลยจะเคย

               ต้องโทษจ าคุกฐานแจ้งความเท็จด้วยมูลเหตุเรื่องเดียวกันนี้มาก่อน แต่ก็ได้รับการล้างมลทินตาม
               พระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา

               ๘๐ พรรษา พ.ศ.๒๕๕๐ โดยถือว่ามิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้น จึงมีเหตุสมควรรอการลงโทษให้แก่
               จ าเลย แต่เพื่อให้จ าเลยหลาบจ า จึงให้ลงโทษปรับด้วย


                                                                                                        ุ
                         ๖๑๑๖/๒๕๖๐ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๑๗๒, ๑๗๓ รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจ าคก ๓
               เดือน และปรับ ๑,๕๐๐ บาท โทษจ าคุกรอการลงโทษและคุมความประพฤติ

                         แม้บางครั้งการลงโทษทางอาญาจ าต้องกระท าเพื่อให้ผู้กระท าความผิดหลาบจ าและมิให้เป็น

               เยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่นที่คิดจะกระท าความผิดดังเช่นผู้กระท าความผิดก็ตาม แต่เหตุที่จ าเลยกระท าความผิดฐาน

               แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน และรู้ว่ามิได้มีการกระท าผิดเกิดขึ้น
               แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอ านาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระท าความผิดเกิด

               จากจ าเลยกระท าความผิดฐานยักยอก ซึ่งผู้เสียหายได้ถอนค าร้องทุกข์ในความผิดฐานดังกล่าวแล้ว ทั้งเมื่อ
               ถูกด าเนินคดีจ าเลยก็ให้การรับสารภาพในความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่

               พนักงานสอบสวนมาโดยตลอด อันแสดงว่าจ าเลยรู้ส านึกในความผิดแห่งตน และไม่ปรากฏว่าจ าเลยเคย
               ได้รับโทษจ าคุกมาก่อน เมื่อค านึงถึงโทษจ าคุกที่จ าเลยได้รับเพียง ๓ เดือน การให้จ าเลยได้รับโทษจ าคุกไป

               เสียเลย ย่อมไม่เป็นผลดีแก่จ าเลยและสังคมโดยรวม เมื่อพิเคราะห์ใคร่ครวญแล้วจึงเห็นสมควรรอการ

               ลงโทษจ าคุกให้จ าเลย ส่วนที่ศาลชั้นต้นไม่รอการลงโทษนาย พ.ซึ่งร่วมกระท าความผิดกับจ าเลย ก็ไม่ผูกพัน
               ให้ศาลฎีกาต้องลงโทษจ าเลยดังเช่นนาย พ.(เงินที่ยักยอกมีจ านวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท)




               ๘.ควำมผิดต่อต ำแหน่งหน้ำที่รำชกำร


                    ไม่รอกำรลงโทษ

                         ๘๐๖๕/๒๕๕๖ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๑๕๗ จ าคุก ๒ ปี
   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31   32