Page 23 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 23
21
8
แม้ผู้เสียหายกับจ าเลยสมัครใจมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกัน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าจ าเลยมีภริยาอยู่แล้วก็ตาม
แต่จ าเลยก็ไม่ควรน าเรื่องดังกล่าวมาขู่เข็ญเรียกเอาเงินจ านวน ๒๐,๐๐๐ บาท จากผู้เสียหาย การกระท า
ของจ าเลยดังกล่าวเป็นการกระท าที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนโดยไม่ค านึงถึงความเดือดร้อนของผู้เสียหาย
อันเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จ าเลยจะกระท าผิดครั้งแรกก็ไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลย ส่วนที่
ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายจนไม่ติดใจเอาความแก่จ าเลยนั้น ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ ก็น ามาเป็นเหตุ
ก าหนดโทษจ าเลยในสถานเบาแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ ลงโทษจ าคุก ๑ ปี โดยไม่รอการลงโทษนั้น
เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว
๔๕๔๙/๒๕๕๙ มีความผิดตาม ป.อ ๓๓๕ (๑) วรรคแรก จ าคุก ๑๔ เดือน ให้จ าเลยคืนเงิน
๑๐๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ร่วม (รับสารภาพ ๑ กระทง ลดโทษกึ่งหนึ่ง ปฏิเสธ ๑ กระทง ลดโทษหนึ่งในสาม)
โจทก์ร่วมไว้วางใจให้จ าเลยปฏิบัติงานในต าแหน่งปฏิบัติการ (เจ้าหน้าที่รับเงิน) จ าเลยย่อมมีหน้าที่
ต้องปฏิบัติต่อโจทก์ร่วมซึ่งเป็นนายจ้างด้วยความซื่อสัตย์สุจริต แต่กลับลักเงินของโจทก์ร่วมถึงสองครั้ง แต่
ละครั้งมีจ านวนมากถึง ๑๐๐,๐๐๐ บาท โดยมิได้ค านึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่โจทก์ร่วม พฤติการณ์
แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง แม้จ าเลยไม่เคยได้รับโทษจ าคุกมาก่อน และมีภาระต้องอุปการะเลี้ยงดูบุคคลใน
ครอบครัว กับชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ร่วมจนไม่ติดใจด าเนินคดีแล้ว หรือมีเหตุอื่นดังที่จ าเลยยกขึ้นอ้างใน
ฎีกา ก็มิใช่เหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลย
๘๖๐๕/๒๕๕๙ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๓๕๗ วรรคแรก รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจ าคุก
๖ เดือน
การกระท าความผิดของจ าเลยมีส่วนสนับสนุนให้เกิดอาชญากรรมอื่นติดตามมา อันเป็นภัยต่อ
สุจริตชนและก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง
แม้จ าเลยไม่เคยกระท าความผิดมาก่อน ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายแล้ว หรือมีเหตุอื่นดังที่ยกขึ้นอ้างใน
ฎีกา ก็มิใช่เหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลย (รับของโจรเป็นรถจักรยานยนต์)
๓๒๒๒/๒๕๖๐ มีความผิดตาม ป.อ ๓๕๒ วรรคแรก จ าคุก ๑ ปี และให้จ าเลยคืนรถจักรยานยนต์ที่
ยักยอกไปหรือใช้ราคาทรัพย์ ๑๕๑,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ร่วม
รถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมเป็นรถใหม่เพิ่งจะซื้อมาเพียง ๖ เดือน ในราคา ๑๕๑,๐๐๐ บาท
น าไปจ าน าแก่จ าเลยในราคาเพียง ๓๕,๐๐๐ บาท การที่จ าเลยน ารถจักรยานยนต์ของโจทก์ร่วมไปขายทันที
ที่โจทก์ร่วมผิดนัดช าระดอกเบี้ยโดยไม่แจ้งให้โจทก์ร่วมทราบ แล้วน าเงินที่ได้จากการขายรถจักรยารยนต์
ดังกล่าวเป็นประโยชน์ของจ าเลยทั้งหมด จึงเป็นการกระท าโดยทุจริต ตามพฤติการณ์แห่งคดี การกระท า
ความผิดของจ าเลยเป็นเรื่องร้ายแรง ทั้งจ าเลยมิได้บรรเทาผลร้ายแห่งความเสียหายแต่ประการใด ที่ศาล
อุทธรณ์ภาค ๓ ใช้ดุลพินิจลงโทษจ าคุกจ าเลย ๑ ปี โดยไม่รอการลงโทษให้จ าเลยนั้น เหมาะสมกับรูปคดีแล้ว