Page 22 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 22

20

                                                                                                                      8

               ลงโทษให้แก่จ าเลย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย (พนักงานอัยการมค าขอให้จ าเลยคืนเงิน ๓๕๘,๔๕๒ บาท แก่
                                                                    ี
               ผู้เสียหาย)

                         ๗๕๓๒/๒๕๕๗ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๓๓๕ (๗) วรรคแรก รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คง

               จ าคุก ๑ ปี ๖ เดือน (ทรัพย์สินมีมูลค่ารวม ๔๐,๗๐๐ บาท)


                         จ าเลยร่วมกับพวกลักทรัพย์ในห้องพักของผู้เสียหายโดยหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายไว้ในห้องน้ า
               แล้วร่วมกันลักทรัพย์ ถือเป็นการอุกอาจโดยไม่มีความย าเกรงกลัวต่อกฎหมาย ทรัพย์ที่ร่วมกันลักก็มีราคาสูง

               พฤติการณ์แห่งการกระท าความผิดของจ าเลยกับพวกนับว่าร้ายแรง แม้จ าเลยอ้างว่าความผิดครั้งนี้เป็น
               ความผิดครั้งแรกและจ าเลยได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจ และผู้เสียหายไม่ติดใจ

               ด าเนินคดีแก่จ าเลยทั้งทางแพ่งและทางอาญาแล้วก็ยังไม่มีเหตุอันควรปรานีด้วยการรอการลงโทษให้จ าเลย


                         ๑๕๗๔/๒๕๕๘ มีความผิดตาม ป.อ ๓๕๒ วรรคแรก รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจ าคุก ๒ ปี ๖
               เดือน จ าเลยชดใช้ค่าเสียหาย ๔๖๒,๒๖๙ บาท แก่โจทก์ร่วมแล้ว จึงให้จ าเลยช าระเงิน ๙๔๓,๖๐๖ บาท แก่

               โจทก์ร่วม

                         จ าเลยยักยอกรถยนต์ของโจทก์ร่วมรวม ๕ คัน โดยอาศัยโอกาสที่โจทก์ร่วมซึ่งเป็นนายจ้างมอบ

               ความไว้วางใจให้จ าเลยครอบครองรถยนต์ดังกล่าวแทนโจทก์ร่วมโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและไม่ค านึง
               ความเดือนร้อนของผู้อื่น พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้ไม่ปรากฏว่าจ าเลยเคยต้องโทษจ าคุกมา

               ก่อน หรือภาระต้องอุปการะบุคคลในครอบครัว ก็เป็นเพียงเหตุผลและความจ าเป็นส่วนตัวของจ าเลยเท่านั้น

               บุคคลทั่ว ๆ ไปในสถานะเช่นเดียวกับจ าเลยก็มีภาระที่ไม่แตกต่างไปจากจ าเลย จ าเลยไม่อาจอ้างภาระความ
               จ าเป็นส่วนตัวเพื่อก่อภาระให้แก่โจทก์ร่วมได้ ทั้งเหตุดังกล่าวไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการ

               ลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลยได้

                         ๒๗๐/๒๕๕๘ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๓๕๒ วรรคแรก รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจ าคุก

               ๑๗ เดือน ๑๕ วัน ให้จ าเลยคืนเงิน ๒๖๐,๕๙๗.๘๐ บาท


                         จ าเลยเป็นลูกจ้างของผู้เสียหาย แต่อาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่ครอบครองดูแลรักษาเงินของผู้เสียหาย
               ยักยอกเงินของผู้เสียหายหลายครงและเป็นจ านวนมาก โดยไม่ค านึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่
                                            ั้
               ผู้เสียหาย พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องที่ร้ายแรง แม้จ าเลยมีภาระต้องเลี้ยงดูบิดา มารดา และบุตรดังที่
               กล่าวอ้างในฎีกา แต่จ าเลยก็ควรคิดใคร่ครวญถึงเรื่องดังกล่าวก่อนกระท าความผิด มิใช่กระท าความผิดแล้ว

               น ามาอ้างเพื่อให้ศาลรอการลงโทษ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ ไม่รอการลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลยนั้น ศาลฎีกา
               เห็นพ้องด้วย


                         ๑๒๖๘๕/๒๕๕๘ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๓๓๗ วรรคแรก ๓๓๘ รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง

                     ุ
               คงจ าคก ๑ ปี
   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27