Page 24 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 24
22
8
๗๔๖๐/๒๕๖๐ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๑๘๘, ๓๓๕ (๗) วรรคแรก ๒๖๙/๕, ๒๖๙/๖ ประกอบ
มาตรา ๒๖๙/๗, ๘๓ รับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจ าคุก ๑๒ เดือน นับโทษจ าเลยต่อจากโทษจ าคุกใน
คดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๑๐๘-๒๑๐๙/๒๕๕๙ และ ๒๑๑๑-๒๑๑๔/๒๕๕๙ ของศาลชั้นต้น
จ าเลยน าบัตรสินเชื่อเกษตรกรที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรออกให้แก่ผู้เสียหาย
่
เพื่อช าระค่าสินค้า คาบริการ หรือหนี้อื่นแทนการช าระด้วยเงินสดไปซื้อสินค้าโดยมิชอบเป็นเงินสูงถึง
๔๙,๙๙๕ บาท ลักษณะการกระท าความผิดของจ าเลยที่ ๑ เป็นไปโดยไม่เคารพย าเกรงต่อกฎหมายและ
ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม ทั้งยังปรากฏว่ามีผู้เสียหายที่ถูกจ าเลยกระท าและได้รับ
ความเสียหายในลักษณะเดียวกันนี้อีกหลายราย พฤติการณ์แห่งคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง ส่วนที่จ าเลยชดใช้
ค่าเสียหายจนเป็นที่พอใจแก่ผู้เสียหายแล้ว ก็เป็นเพียงการพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิด แม้จ าเลยไม่
เคยกระท าความผิดมาก่อน และมีภาระต้องอุปการะเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว หรือมีเหตุอื่นดังที่จ าเลย
ยกขึ้นอ้างในฎีกา ก็มิใช่เป็นเหตุผลเพียงพอจะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลย
๕๑๙๑/๒๕๖๑ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๓๓๕ (๑๑) วรรคแรก (เดิม) รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่ง
หนึ่ง คงจ าคุก ๙ เดือน
จ าเลยเป็นลูกจ้างของผู้เสียหายมีหน้าที่ปฏิบัติต่อผู้เสียหายซึ่งเป็นนายจ้างด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
แต่จ าเลยกลับอาศัยโอกาสที่ผู้เสียหายไว้วางใจ ลักเสื้อและกางเกงกีฬาทั้งหมด ๙๒ ตัว รวมมูลค่า ๖๐,๙๘๖
็
บาท ซึ่งไม่ใช่ทรัพย์ราคาเล็กน้อย การกระท าของจ าเลยเปนการกระท าที่ไม่เคารพย าเกรงต่อกฎหมาย
กระท าโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่ค านึงถึงความเสียหายอันเกิดแก่ผู้เสียหาย พฤติการณ์แห่งคดีจึง
เป็นเรื่องร้ายแรง แม้จ าเลยไม่เคยได้รับโทษจ าคุกมาก่อน มีภาระต้องอุปการะเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว
ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายแล้วโดยผู้เสียหายไม่ติดใจด าเนินคดีแก่จ าเลยหรือมีเหตุอื่นดังที่จ าเลยยกขึ้น
อ้างในฎีกา ก็ไม่เป็นเหตุเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจ าคุกให้แก่จ าเลย
๕๔๒๗/๒๕๖๑ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๓๓๔ ทางน าสืบของจ าเลยเป็นประโยชน์แก่การ
พิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจ าคุก ๑
การที่จ าเลยตัดต้นสักพิพาทของโจทก์ร่วมเป็นจ านวนเกือบ ๓๐๐ ต้น ทั้ง ๆ ที่จ าเลยทราบมาแต่
แรกว่าต้นสักพิพาทไม่ใช่ของจ าเลย ประกอบกับจ าเลยเคยท าบันทึกกับโจทก์ร่วมที่สถานีต ารวจภูธร ศ.ว่า
จ าเลยจะใช้สิทธิทางศาล แต่จ าเลยก็หาได้กระท าการดังกล่าวไม่ กลับด าเนินการตัดต้นสักพิพาทของโจทก์
ร่วมไปเป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต นับว่าเป็นการกระท าที่ค่อนข้างอุกอาจและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
จึงไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษจ าคุก
๖๕๕๑/๒๕๖๒ มีความผิดตาม ป.อ ๓๕๗ วรรคสอง (เดิม) ค าให้การในชั้นสอบสวนของจ าเลยเป็น
การให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจ าคุก ๑ ปี ๔ เดือน