Page 21 - แนวคำพิพากษาศาลฎีกาเกี่ยวกับดุลพินิจในการรอหรือไม่รอการลงโทษหรือกำหนดโทษ
P. 21

19
                                                                                                                       8


                         แม้จะได้ความว่าเงินที่จ าเลยทุจริตไปจากโจทก์เป็นเงิน ๓,๔๘๘,๔๓๓.๐๗ บาท และจ าเลยชดใช้ให้

               ๔,๑๑๗,๐๐๐ บาท เกินกว่าจ านวนเงินที่เอาไปในคดีนี้ ก็ปรากฏว่าจ าเลยกระท าผิดในคดีนี้ ๒๗ ครั้ง และ
               ก่อนจะตรวจพบการกระท าผิดในคดีนี้จ าเลยก็กระท าผิดแบบเดียวกันนับครั้งไม่ถ้วนเป็นระยะเวลานานนับ

               หลายปีรวมจ านวนเงินมากกว่าที่จ าเลยชดใช้ และเป็นการกระท าผิดโดยทุจริตในหน้าที่ต่อนายจ้างที่ให้ความ

               ไว้วางใจจ าเลย กรณีไม่สมควรรอการลงโทษ อย่างไรก็ดีเมื่อการกระท าของจ าเลยเป็นความผิดฐานยักยอก
               ซึ่งมีอัตราโทษตามกฎหมายเบากว่าอัตราโทษตามกฎหมายของความผิดฐานลักทรัพย์ ที่ศาลล่างทั้งสอง

               ลงโทษจ าเลย และการที่จ าเลยให้การรับสารภาพถือได้ว่าส านึกผิด การรวบรวมเงินและทรัพย์สินมาชดใช้
               คืนโจทก์ก็เป็นการบรรเทาผลร้าย โทษที่ศาลล่างลงแก่จ าเลยจึงหนักไปสมควรก าหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม

               พฤติการณ์ความผิดจ าเลย


                         ฎ ๑๐๙๗๖/๒๕๕๔ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๓๓๔ จ าคุก ๖ เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสาม คง
               จ าคุก ๔ เดือน


                         ที่เกิดเหตุเป็นชุมชนมีประชาชนเป็นจ านวนมาก การกระท าของจ าเลยเป็นการอุกอาจไม่เคารพต่อ
               กฎหมายบ้านเมือง ท าให้เกิดความไม่มั่นคงปลอดภัยในทรัพย์สิน พฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรงที่ศาลอุทธรณ์

               ภาค ๙ ลงโทษจ าคุก ๔ เดือน นับว่าเป็นคุณแก่จ าเลยมากแล้ว และไม่มีเหตุที่จะรอการลงโทษให้แก่จ าเลย
               ได้


                         ๑๔๒๕๘/๒๕๕๕ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๓๓๔ ประกอบมาตรา ๓๓๖ ทวิ จ าคุก ๑ ปี ให้จ าเลย

               คืนประตูเหล็กยึด ๔ บาน หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนเป็นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย

                         จ าเลยเข้าไปลักทรัพย์ของผู้เสียหายโดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะภายในบริเวณวัด ห. เป็น

               การกระท าที่ไม่เคารพย าเกรงต่อสถานที่ส าคัญในทางพุทธศาสนา สร้างความเดือนร้อนแก่ผู้เสียหาย และ
               ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยในสังคม พฤติการณ์แห่งคดีจึงนับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ทั้ง

               จ าเลยยังน าสืบต่อสู้ว่าจ าเลยได้รับอนุญาตจากพระครู ก.อดีตเจ้าอาวาสวัด ห.ให้น าทรัพย์สินเก่าที่ไม่ใช้แล้ว

               ของวัดไปขายได้ แสดงให้เห็นว่าจ าเลยไม่ได้ส านึกในความผิด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ใช้ดุลพินิจรอการลงโทษ
               จ าคุกให้จ าเลยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย


                         ฎ ๔๙๑๙/๒๕๕๖ มีความผิดตาม ป.อ มาตรา ๓๓๔, ๒๖๔ วรรคหนึ่ง ๒๖๘ วรรคหนึ่ง ประกอบ
               มาตรา ๒๖๔ วรรคหนึ่ง จ าคุก ๓ ปี ให้จ าเลยคืนเงิน ๖,๗๘๐ บาท แก่ผู้เสียหาย


                         เมื่อผลของค าวินิจฉัยในความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมเป็นคุณแก่จ าเลย ย่อมต้อง
               มีการก าหนดโทษใหม่ให้เหมาะสมอยู่ในตัว แต่การที่จ าเลยลักเงินของผู้เสียหายและปลอมเอกสารกับใช้

               เอกสารปลอมเพื่อปกปิดการกระท าของตนโดยอาศัยโอกาสจากการท างานตามที่ผู้เสียหายได้มอบหมาย

               นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง ทั้งจ าเลยมิได้อ้างเหตุผลอันควรปรานีโทษมาในฎีกา ที่ศาลล่างทั้งสองไม่รอการ
   16   17   18   19   20   21   22   23   24   25   26