Page 504 - สารานุกรมพืช ในประเทศไทย (ฉบับย่อ) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ E-BOOK โดย พระครูโสภณวีรานุวัตร, ดร. วัดป่า สุพรรณบุรี.
P. 504

เอื้องเปราะขาว
                                    สารานุกรมพืชในประเทศไทย

                                                                     เอื้องผาหมอก
                                                                     Coelogyne xyrekes Ridl.
                                                                     วงศ์ Orchidaceae
                                                                       กล้วยไม้อิงอาศัย ล�าลูกกล้วยรูปไข่ เป็นเหลี่ยม ยาว 4-8 ซม. มีใบเดียว รูป
                                                                     ขอบขนาน รูปใบหอก หรือแกมรูปไข่กลับ ยาว 20-37 ซม. เส้นใบ 3-5 เส้น ก้านใบ
                                                                     ยาว 2-9 ซม. ช่อดอกออกที่ยอด ห้อยลง ก้านช่อยาว 7-15 ซม. แกนช่อยาวประมาณ
                                                                     2-6 ซม. มี 1-4 ดอก ใบประดับยาว 5-5.5 ซม. ร่วงเร็ว ดอกขนาดใหญ่สีขาว
                                                                     หรืออมชมพู กลีบเลี้ยงบนรูปรีถึงรูปขอบขนาน ยาว 4-5.5 ซม. กลีบคู่ข้างรูปไข่กลับ
                                                                     แกมรูปขอบขนาน ยาว 4-6 ซม. กลีบดอกรูปแถบ ยาว 4-5.5 ซม. ปลายแหลม
                                                                     กลีบปากมีปื้นสีส้มอมแดง ยาว 3-5 ซม. จัก 3 พู พูข้างขนาดเล็ก รูปรี ยาว
                                                                     3.5-5.5 มม. ปลายกลม พูกลางรูปไข่กว้างหรือเกือบกลม ยาว 1.2-2 ซม. มีก้านกลีบ
                                                                     สั้น ๆ ขอบเป็นคลื่น มีสัน 2 แนว เรียงจรดโคน มีตุ่มกระจาย ปลายมนหรือกลม
                  เอื้องนิลเหลือง: ใบพับจีบ ออกที่โคนต้น 1-5 ใบ รูปขอบขนานหรือรูปใบหอก มีเส้นใบย่อยเรียงตามขวางชัดเจน   เส้าเกสรสีเหลืองซีด ยาว 2.5-4 ซม. ปลายเป็นตะขอคล้ายปีก (ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่
                ช่อดอกแบบช่อกระจะ แกนช่อสีม่วงเข้ม กลีบรวม 6 กลีบ ด้านนอกสีม่วงแกมเขียว ด้านในสีเหลือง (ภาพ: ห้วยขาแข้ง   เอื้องหมาก, สกุล)
                อุทัยธานี - SSi)
                                                                       พบที่คาบสมุทรมลายู สุมาตรา และภาคใต้ของไทยที่พังงา กระบี่ สตูล ตรัง
                เอื้องเปราะขาว                                       ขึ้นตามคบไม้ในป่าดิบเขา ความสูง 700-1900 เมตร
                Diplomeris pulchella D. Don                           เอกสารอ้างอิง
                วงศ์ Orchidaceae                                       de Vogel, E.F. and H.Æ. Pedersen. (2014). Orchidaceae (Coelogyne). In Flora
                   กล้วยไม้ดิน มีหัวใต้ดิน รูปรี ยาวประมาณ 1 ซม. ล�าต้นสั้น เกลี้ยง มี 2-3 ใบ   of Thailand Vol. 12(2): 433-434.
                รูปดาบหรือรูปแถบ ยาวได้ถึง 11 ซม. ปลายแหลม มีติ่ง โคนใบเรียวแคบเป็นกาบ
                แผ่นใบเกลี้ยง ช่อดอกออกจากซอกใบ ตั้งตรง ยาว 8-16 ซม. ใบประดับรูปไข่กว้าง
                ยาว 0.8-1.6 ซม. มีเส้นใบ 3-5 เส้น ปลายแหลมมีติ่ง ดอกส่วนมากมีดอกเดียว สีขาว
                พลิกกลับ กลีบเลี้ยงยาวเท่า ๆ กัน รูปขอบขนานหรือแกมรูปไข่ ยาว 1-1.5 ซม.
                กลางกลีบเป็นสัน ปลายแหลม กลีบข้างเรียวกว่าและเบี้ยวเล็กน้อย กลีบดอกแยก
                กัน กลีบคู่ข้างรูปไข่กลับ ยาว 1.3-2 ซม. ปลายแหลม กลีบปากบานออก รูปไข่กลับ
                กว้าง ยาวเท่า ๆ กลีบดอกหรือยาวกว่าเล็กน้อย ปลายเว้าตื้น มีติ่งแหลม เดือยโค้ง
                ลง ยาว 3-4.5 ซม. เส้าเกสรยาว 6.5-9 มม. ยอดเกสรเพศเมียยื่นออก 2 อัน ปลาย
                เส้าเกสรมีแผ่นจะงอย กลุ่มอับเรณู 2 กลุ่ม ที่โคนมีแป้นเหนียว 2 อัน รังไข่รวม
                ก้านดอกยาว 0.6-1.5 ซม. เกลี้ยง                        เอื้องผาหมอก: กล้วยไม้อิงอาศัย แต่ละล�าลูกกล้วยมีใบเดียว ช่อดอกออกที่ยอด ห้อยลง ดอกขนาดใหญ่สีขาวหรือ
                                                                     อมชมพู กลีบปากมีปื้นมีส้มอมแดง มีสัน 2 แนวจรดโคน มีตุ่มกระจาย (ภาพ: เขานัน นครศรีธรรมราช - NT)
                   พบที่อินเดีย พม่า จีนตอนใต้ และเวียดนาม ในไทยพบทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
                ตอนบนที่ภูวัว จังหวัดบึงกาฬ ขึ้นริมล�าธารบนหินทราย ความสูง 300-400 เมตร   เอื้องพลายงาม
                                                                     Pleione praecox (Sm.) D. Don
                   สกุล Diplomeris D. Don อยู่ภายใต้วงศ์ย่อย Orchidoideae เผ่า Orchideae มี
                   2 ชนิด พบที่อินเดีย เนปาล ภูฏาน จีนตอนใต้ พม่า และเวียดนามตอนบน    วงศ์ Orchidaceae
                   ในไทยมีชนิดเดียว ชื่อสกุลมาจากภาษากรีก “diploos” ซ้อน และ “meris”   ชื่อพ้อง Epidendrum praecox Sm.
                   แต่ละส่วน ตามลักษณะกลีบดอก กลีบเลี้ยง และเส้าเกสรมียอดเกสรเพศเมีย  กล้วยไม้อิงอาศัย หรือขึ้นบนพื้นดิน ล�าลูกกล้วยรูปไข่ ปลายตัด ยาว 1-3.5 ซม.
                   และแผ่นจะงอย                                      คอคอด ต้นอ่อนมีกาบหุ้ม ส่วนมากมี 2 ใบ ออกที่ปลายล�าลูกกล้วย รูปใบหอกกลับ
                                                                     ยาว 10-25 ซม. ก้านใบสั้นมาก ช่อดอกออกก่อนผลิใบ ออกที่โคนล�าลูกกล้วย มี
                  เอกสารอ้างอิง                                      1-2 ดอก ยาวได้ถึง 12 ซม. ก้านช่อมีกาบหุ้ม ใบประดับรูปขอบขนาน ยาว 2.5-3 ซม.
                   Chen, X., S.W. Gale and P.J. Cribb. (2009). Orchidaceae (Diplomeris) In Flora
                      of China Vol. 25: 162.                         ติดทน ดอกสีชมพูอมม่วง พลิกกลับ กลีบเลี้ยงแยกกัน กลีบบนรูปใบหอก ยาว
                   Pedersen, H.Æ. (2011). Orchidaceae (Diplomeris). In Flora of Thailand Vol.   5.5-6 ซม. มีเส้นกลีบ 5 เส้น กลีบคู่ข้างยาวเท่า ๆ กลีบบน โค้งเล็กน้อย กลีบดอก
                      12(1): 53-54.                                  รูปแถบ ยาว 5-7 ซม. ปลายแหลมหรือมน มีเส้นกลีบ 1-3 เส้น กลีบปากรูปไข่
                                                                     ยาว 4-5 ซม. จัก 3 พู ไม่ชัดเจน มีจุดเป็นปื้นสีม่วงกระจาย พูกลางรูปไข่กว้าง
                                                                     ปลายจักชายครุยแบบซี่ฟันตื้น ๆ พูข้างมีสัน 3-7 แนวเป็นปุ่มเล็ก ๆ เส้าเกสรโค้ง
                                                                     ยาว 3.5-4.5 ซม. ด้านบนคล้ายปีก ปลายจัก กลุ่มอับเรณูมี 4 กลุ่ม แยกเป็น 2 คู่
                                                                     มีแป้นเหนียว ก้านดอกรวมรังไข่ยาว 1-1.5 ซม.
                                                                       พบที่อินเดีย เนปาล ภูฏาน จีนตอนใต้ พม่า ลาว และเวียดนาม ในไทยพบทาง
                                                                     ภาคเหนือที่เชียงใหม่ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เลย ขึ้นตามป่าดิบเขา ความสูง
                                                                     1400-2400 เมตร
                                                                       สกุล Pleione D. Don มีประมาณ 21 ชนิด พบที่อินเดีย เนปาล ภูฏาน บังกลาเทศ
                                                                     จีนตอนใต้ ไต้หวัน พม่า ลาว และกัมพูชา ในไทยมี 2 ชนิด อีกชนิดคือ P. maculata
                                                                     (Lindl.) Lindl. & Paxton ดอกสีครีม ชื่อสกุลตั้งตาม Pleione มารดาของลูกสาวทั้งเจ็ด
                                                                     ของ Titan Atlas ที่เป็นชื่อเรียกกลุ่มดาวลูกไก่ ในนิยายกรีกโบราณ
                                                                      เอกสารอ้างอิง
                  เอื้องเปราะขาว: ใบรูปแถบ ปลายแหลม มีติ่ง ช่อดอกมีดอกเดียว ดอกสีขาว พลิกกลับ กลีบเลี้ยง 3 กลีบ ยาวเท่า ๆ กัน   Suddee, S. and P.J. Cribb. (2014). Orchidaceae (Pleione). In Flora of Thailand
                กลางกลีบเป็นสัน กลีบปากบานออก รูปไข่กลับกว้าง ยาวเท่า ๆ กลีบดอก ปลายเว้าตื้น มีติ่งแหลม เดือยยาว โค้งลง   Vol. 12(2): 609-613.
                (ภาพ: ภูวัว บึงกาฬ - RP)

                484






        59-02-089_399-488_Ency_new1-3_J-Coated.indd   484                                                                 3/1/16   6:35 PM
   499   500   501   502   503   504   505   506   507   508   509