Page 319 - Publicationa15
P. 319
ศาลรัฐธรรมนูญกับการสร้างบรรทัดฐานทางรัฐธรรมนูญ 311
รับฟังข้อเท็จจริงที่โต้แย้งกันทางการเมือง แล้วปรับบทตีความกฎหมายให้ขยาย
ก็ได้ หรือเคร่งครัดก็ได้ ตามตัวอักษรก็ได้ ตามเจตนารมณ์ก็ได้ โดยมีนัยของความ
วิตกกังวลกับการต่อต้านการทุจริตประพฤติมิชอบ หรือป้องกันบุคคลหรือ
กลุ่มบุคคล มิให้ใช้เสียงข้างมากผูกขาดอ�านาจรัฐ สอดคล้องกับหลักการควบคุม
การใช้อ�านาจป้องกันภัยของอ�านาจที่จะท�าให้มนุษย์กลายเป็นคนชั่วได้
ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 องค์ประกอบของศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน ซึ่งมีที่มาต่างกัน จากผู้พิพากษาศาลฎีกา 3 คน
จากตุลาการศาลปกครองสูงสุด 2 คน ผู้ทรงคุณวุฒิที่ผ่านการสรรหารับเลือกจาก
วุฒิสภาในสาขานิติศาสตร์ 2 คน ในสาขารัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ หรือ
สังคมศาสตร์อื่นอีก 2 คน ทั้งนี้เพื่อให้การวินิจฉัยปรับบทรัฐธรรมนูญในข้อ
กฎหมายหรือข้อเท็จจริง เป็นกรณีที่ต้องให้ความส�าคัญกับเจตนารมณ์ร่วมกัน
ของผู้คนในสังคม ด้วยกระบวนการพิจารณาที่ผสมผสานกันของหลักนิติศาสตร์
และหลักรัฐศาสตร์ให้ถูกต้องตามหลักนิติธรรม สอดคล้องกับสถานการณ์
บ้านเมืองในขณะนั้น และอยู่บนพื้นฐานของประโยชน์สุขแห่งมหาชน
รัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 216 วรรคห้า บัญญัติให้ค�าวินิจฉัยของ
ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กร
อื่นของรัฐ เป็นการบัญญัติถึงความเป็นเด็ดขาดและผลผูกพันของค�าวินิจฉัย
ศาลรัฐธรรมนูญ ขณะเดียวกันการที่รัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 216 วรรคสาม
บัญญัติให้ค�าวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และความเห็นในการวินิจฉัยของ
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้น
รัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์ให้ประชาชนใช้รายละเอียดของค�าวินิจฉัย หรือ
ความเห็นในการวินิจฉัยของตุลาการทุกคนที่เผยแพร่สู่สาธารณะชน เป็น
ฐานข้อมูลที่ถูกต้องในการวิพากษ์ วิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็น ต่อค�าวินิจฉัย
หรือความเห็นในการวินิจฉัยของตุลาการแต่ละคน ตามกระบวนการทาง
สังคมของภาคพลเมือง อันเป็นการช่วยกันและร่วมมือกันพัฒนาหรือสร้าง
บรรทัดฐานทางรัฐธรรมนูญ ที่ถูกต้องสอดคล้องกับประโยชน์สุขแห่งมหาชน
หรือเจตนารมณ์ร่วมกันของสังคม ข้อส�าคัญต้องแยกแยะสภาพบังคับหรือ
ผลผูกพันตามค�าวินิจฉัยหรือค�าสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ออกจากการวิพากษ์
_17-0315(306-336)15.indd 311 4/27/60 BE 11:58 AM

