Page 323 - Publicationa15
P. 323
ศาลรัฐธรรมนูญกับการสร้างบรรทัดฐานทางรัฐธรรมนูญ 315
การพิจารณาความหมายของข้อความว่า “ต้องค�าพิพากษาให้จ�าคุก”ตาม
มาตรา 182 วรรคหนึ่ง (3) และมาตรา 182 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 174
วรรคหนึ่ง (5) จึงต้องพิจารณา เปรียบเทียบกัน
เมื่อมาตรา 182 วรรคหนึ่ง (3) บัญญัติให้ความเป็นรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลง
เมื่อผู้ด�ารงต�าแหน่ง ต้องค�าพิพากษาให้จ�าคุก แม้ค�าพิพากษานั้นจะยังไม่ถึง
ที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ
แสดงว่ารัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์ให้ผู้ด�ารงต�าแหน่งรัฐมนตรีที่ต้อง
ค�าพิพากษาให้จ�าคุก ขณะด�ารงต�าแหน่งต้องสิ้นสุดการเป็นรัฐมนตรีทันที แม้ว่า
ค�าพิพากษานั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือค�าพิพากษานั้นศาลให้รอการลงโทษก็ตาม
ขณะที่มาตรา 174 (5) บัญญัติลักษณะต้องห้ามของการเข้าสู่ต�าแหน่ง
รัฐมนตรีไว้เพียงว่าเคยต้องค�าพากษาให้จ�าคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงห้าปี
ก่อนได้รับแต่งตั้ง
ไม่ได้มีถ้อยค�าขยายลักษณะของการต้องค�าพิพากษาให้จ�าคุกดังเช่น
มาตรา 182 วรรคหนึ่ง (3)
การเคยต้องค�าพิพากษาให้จ�าคุกตามมาตรา 174 (5) นี้ เป็นเพียงการ
ก�าหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาของการเข้าด�ารงต�าแหน่งรัฐมนตรี
และแม้จะถูกน�าเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการสิ้นสุดการด�ารงต�าแหน่ง
รัฐมนตรีตาม มาตรา 182 วรรคหนึ่ง (5) ก็ตาม
การพิจารณาความหมายของการเคยต้องค�าพิพากษาให้จ�าคุกตามมาตรา
174 (5) นี้ จึงมีความหมายที่ต่างไปจาก มาตรา 182 วรรคหนึ่ง (3) เพราะ
มีการบัญญัติค�าขยายความที่ต่างกัน
เมื่อมาตรา 182 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 174 (5) ไม่ได้มีค�า
ขยายความว่าการเคย “ต้องค�าพิพากษาให้จ�าคุก” รวมถึงกรณีที่ค�าพิพากษานั้น
ยังไม่ถึงที่สุด หรือรวมถึงกรณีที่ศาล ให้รอการลงโทษไว้ด้วย
การเคย “ต้องค�าพิพากษาให้จ�าคุก” ตามมาตรา 182 วรรคหนึ่ง (5)
ประกอบมาตรา 174 (5) จึงต้องหมายความว่าต้องค�าพากษาให้จ�าคุกโดยต้อง
มีการจ�าคุกจริงเท่านั้น
อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น จึงวินิจฉัยโดยเสียงข้างมาก (6 ต่อ 3) ว่า
ความเป็นรัฐมนตรี ของนายวรเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจ�าส�านักนายกรัฐมนตรี
_17-0315(306-336)15.indd 315 4/27/60 BE 11:58 AM