Page 34 - รวมเลมวจยในชนเรยน 2-2562_Neat
P. 34
24
4. ทฤษฎีฝึกสมอง (Mental Discipline) ของ พลาโต การพัฒนาสมองโดยให้
นักเรียนเข้าใจและฝึกฝนมาก ๆ จะท าให้เกิดเป็นทักษะ และความคงทนในการเรียนรู้
ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงไปใช้โดยอัตโนมัติ
พินิจ ศรีจันทร์ดี (2530 : 13–34) ได้ระบุทฤษฎีการสอนคณิตศาสตร์ที่ส าคัญ ๆไว้
ดังนี้
1. ทฤษฎีการฝึกฝน (Drill Theory) ของกลุ่ม Associationists เป็ นกลุ่มที่
มองเห็นว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นเนื่องจากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้า (Stimulus – คือ สิ่งที่ท าให้
เกิดพฤติกรรม) และการตอบสนอง (Response – คือ ตัวพฤติกรรมนั่นเอง) เน้นพื้นฐานแห่ง
การฝึกฝนและท่องจ ากฎต่าง ๆ เช่น สูตรคูณ สูตรผลต่างก าลังสอง ให้ท าแบบฝึกหัดซ ้า ๆ
กันมาก ๆจนท่องจ าวิธีการแก้ปัญหาแบบนั้น ๆ ได้ ผู้เรียนจะไม่เข้าใจเหตุผลว่าท าไมจึงต้อง
ท าเช่นนั้นการอธิบายความหมายและการให้เหตุผลไม่ถือว่าเป็นสิ่งส าคัญ การสอน
คณิตศาสตร์ โดยอาศัยทฤษฎีนี้เป็นหลัก มักท าให้ผู้เรียนเกิดความท้อแท้ใจ เบื่อหน่าย เพราะ
จ าสูตรและกฎต่าง ๆที่ครูสอน ซึ่งมีจ านวนมากมายและซับซ้อนไม่ได้ เป็นเหตุให้ท า
แบบฝึกหัดตลอดจนข้อสอบที่มีแนวคิดแตกต่างไปจากตัวอย่างที่ครูเคยท าให้ดูไม่ได้ไปด้วย
ในที่สุดผู้เรียนจะเกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อคณิตศาสตร์ เช่น คิดว่าคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ยาก ไม่
มีประโยชน์
2. ทฤษฎีการเรียนรู้โดยใช้กิจกรรม (Activity Theory) ทฤษฎีนี้เน้นให้เด็ก
เกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง พยายามให้ผู้เรียน เรียนคณิตศาสตร์ในบรรยากาศที่
อิสระไม่เคร่งเครียดมีกิจกรรมให้ท า และยึดหลักที่ว่า “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่
เท่ามือคล า”ซึ่งคงจะหมายความว่า การสอนโดยการอธิบายหรือเล่าให้ฟัง 10 ครั้ง จะไม่ดี
เท่ากับนักเรียนได้เห็นของจริงเพียงครั้งเดียว ตัวอย่างเช่น ครูอธิบายวิธีการแก้สมการก าลัง
สองให้นักเรียนดู นักเรียนอาจจะไม่เกิดความรู้อย่างแท้จริง จะท าได้ถ้าปัญหานั้นคล้าย ๆ กับ
ตัวอย่าง ถ้าปัญหานั้นแตกต่างจากตัวอย่างมาก ๆ นักเรียนอาจแก้ปัญหาด้วยความยากล าบาก
ไม่เหมือนกับการที่นักเรียนได้ลงมือท าจริง ๆ