Page 86 - รวมเลมวจยในชนเรยน 2-2562_Neat
P. 86
76
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 เพื่อหาค่าดัชนีประสิทธิผลของการ
เรียนรู้ด้วยแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และเพื่อศึกษาความคงทนในการเรียนรู้ของ
นักเรียน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านโนนนกหอ (เพ็ง
แสนวิทยา) ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานีเขต 1 จ านวน 20 คน จาก 1 ห้องเรียน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 ชนิด ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ
เทคนิค TAI และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลการวิจัยพบว่า แผนการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI เรื่อง การบวกและการลบ
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 88.17/87.00
ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ดัชนีประสิทธิผลของการเรียนรู้ด้วยแผนการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI เรื่องการบวกและการลบ กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเท่ากับ 0.66 และนักเรียนที่เรียนด้วยแผนการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือเทคนิค TAI เรื่องการบวกและการลบ ชั้นประถมศึกษา
ปีที่ 4 มีคะแนนเฉลี่ยทางการเรียนจากการทดสอบ หลังเรียนและหลังเรียนไปแล้ว 2 สัปดาห์
ไม่แตกต่างกัน
สุจิรัตน์ ทีฆะทิพย์สกุล (2547 : 79 – 80) ได้ศึกษาการเปรียบเทียบผลการ
เรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการเรียนรู้
แบบเรียนร่วมกัน (LT) และวิธีการเรียนแบบกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนเป็นรายบุคคล (TAI)
กลุ่มตัวอย่างได้มาโดยการเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ป ี
การศึกษา 2547 โรงเรียนส าโรงวิทยาคาร อ าเภอส าโรง จังหวัดอุบลราชธานี เครื่องมือที่ใช้
คือ แผนการจัดการเรียนรู้ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นแบบอิงเกณฑ์
และเป็นแบบปรนัยเลือกตอบ 4 ตัวเลือกจ านวน 30 ข้อ ผลการศึกษาพบว่า
1. ดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบเรียน
ร่วมกัน (LT) มีค่าเท่ากับ 0.7704 และวิธีการเรียนแบบกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนเป็นรายบุคคล
(TAI) มีค่าเท่ากับ 0.7993