Page 88 - รวมเลมวจยในชนเรยน 2-2562_Neat
P. 88
78
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบกลุ่ม (TAI) เรื่อง การบวก ลบ คูณ หาร จ านวนเต็ม ชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 1 มีค่าเท่ากับ 0.62 หรือคิดเป็นร้อยละ 62.00 ซึ่งหมายความว่านักเรียนมี
ความก้าวหน้าในการเรียนรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 62
3. นักเรียนที่เรียนโดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบกลุ่ม (TAI) มีผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนวิชาคณิตศาสตร์สูงกว่านักเรียนที่เรียนตามคู่มือของ สสวท. อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่
ระดับ .01
จรวยรัตน์ ขวัญรัมย์ (2549 : 61 - 65) ได้ศึกษาการเปรียบเทียบผลการเรียนรู้
เรื่อง สมการและการแก้สมการ โดยวิธีการเรียนรู้แบบกลุ่ม (TAI) และวิธีการเรียนตามปกติ
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ผลการวิจัยปรากฏผลดังนี้
1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบกลุ่ม
(TAI) เรื่อง สมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ
82.00/78.00 ตามล าดับ
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์โดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบกลุ่ม (TAI) เรื่อง สมการและการแก้สมการ
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เท่ากับ 0.6886
3. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียน เรื่อง สมการ
และการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบกลุ่ม (TAI) และ
วิธีการเรียนตามปกติ โดยการทดสอบนัยส าคัญแบบ t – test (Independent Samples) พบว่า
นักเรียนที่เรียนโดยใช้วิธีการเรียนรู้แบบกลุ่ม(TAI) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระ
คณิตศาสตร์สูงกว่านักเรียนที่เรียนตามปกติ อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01
อุไรวรรณ หนูโต (2549 : 79 – 88) ได้วิจัยการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนและความคงทนต่อการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ของนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง เศษส่วน ที่เรียนโดยวิธีจัดกิจกรรมแบบกลุ่มร่วมมือกันเรียนรู้
(TAI) กับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยวิธีปกติ ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้