Page 89 - รวมเลมวจยในชนเรยน 2-2562_Neat
P. 89
79
1. แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ของการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ (TAI) เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า
แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.48/81.59
2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการ
เรียนรู้คณิตศาสตร์ ของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือ (TAI) เรื่อง เศษส่วน ชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 4 เท่ากับ 0.69 หรือคิดเป็นร้อยละ 69
3. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบกลุ่ม
ร่วมมือ(TAI) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 4
โดยรวมอยู่ในระดับมาก
4. ความคงทนในการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ของการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ แบบกลุ่มร่วมมือ (TAI) เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีคะแนน
เฉลี่ยหลังการทดสอบหลังเรียน 2 สัปดาห์ ไม่แตกต่างกัน จากคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนแสดง
ว่า นักเรียนมีความสามารถในการคงทนความรู้สึกหลังเรียนได้ทั้งหมด
นางสาวนันทนาภรณ์ ภูมิพยัคฆ์ ( 2550 : 97 -98 ) ได้ศึกษาการเปรียบเทียบ
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ปริมาตรและพื้นที่ผิวและแรงจูงใจในการเรียน ระหว่างวิธีการ
เรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือด้วยเทคนิคTAI กับวิธีการเรียนรู้แบบปกติ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่ม
ตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2550 โรงเรียนโนน
เจริญพิทยาคม จังหวัดบุรีรัมย์ จ านวน 64 คนได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random
Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
แผนการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือด้วยเทคนิค TAI และแผนการเรียนรู้แบบปกติ กลุ่มละ5
แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชนิดเลือกตอบ 5 ตัวเลือก
จ านวน 30 ข้อ ผลการศึกษาพบว่า เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ปริมาตรและ
พื้นที่ผิว และแรงจูงใจในการเรียน ระหว่างวิธีการเรียนรู้แบบกลุ่มร่วมมือด้วยเทคนิค TAI
กับวิธีการเรียนรู้แบบปกติ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.70 / 79.38 และ
72.46 / 71.88 ตามล าดับ ดัชนีประสิทธิผลของแผนเท่ากับ 0.7242 และ 0.6346 ตามล าดับ