Page 240 - ED 211
P. 240
ได้รับความรู้ ข้อมูลข่าวสาร ประสบการณ์ ซึ่งท าให้มีการเปลี่ยนแปลงทางสติปัญญา ความคิด และ
พฤติกรรม
เนื่องจากสังคมแห่งการเรียนรู้อาจเป็นหน่วยทางสังคมขนาดเล็ก เช่น โรงเรียน ชุมชน หรือ
ขนาดใหญ่ขึ้น เช่น เมืองก็ได้ แต่ในทัศนะของสุมาลี สังข์ศรี (2546: 94) สังคมแห่งการเรียนรู้ควรมี
ลักษณะหรือองค์ประกอบ 5 ประการ ดังนี้ 1) มีแหล่งเรียนรู้เพียงพอที่จะท าให้สมาชิกในชุมชนสามารถ
ศึกษาหาความรู้ที่ต้องการได้ 2) มีเครือข่ายการเรียนรู้ ซึ่งหมายถึงการเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายของ
แหล่งเรียนรู้ ท าให้มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลายและต่อเนื่อง 3) มีผู้จัดการหรือผู้ประสานงาน ให้
เกิดการเรียนรู้เพื่อเชื่อมโยงหรือประสานระหว่างแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ 4) มีกิจกรรมการเรียนรู้หลากหลาย
รูปแบบอย่างต่อเนื่อง และ 5) มีบรรยากาศในการเรียนรู้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากการที่สมาชิกของชุมชน
เห็นความส าคัญของการเรียนรู้ สนใจใฝ่เรียนรู้ มีกิจกรรมการเรียนรู้สม่ าเสมอ ไม่หยุดนิ่ง
เมื่อพิจารณาจากลักษณะหรือองค์ประกอบของสังคมแห่งการเรียนรู้ดังกล่าว จะเห็นได้ว่า
การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ต้องอาศัยเวลา แนวทางในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้จึงอาจแบ่งเป็น
สองแนวทางตามขนาดของสังคม คือ การสร้างสังคมขนาดเล็กหรือชุมชนให้เป็นชุมชนหรือสังคมแห่งการ
เรียนรู้ โดยมุ่งสร้างกิจกรรมการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบให้ด าเนินไปอย่างต่อเนื่องและขยายความคิด
ขยายผลและสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ เพราะมองว่าหากสามารถสร้างสังคมขนาดเล็กให้เป็นสังคมแห่ง
การเรียนรู้และสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ของสังคมเหล่านี้ได้ ย่อมท าให้สังคมใหญ่หรือประเทศเป็นสังคม
แห่งการเรียนรู้ในที่สุด และแนวทางที่มุ่งสร้างเมืองหรือสังคมขนาดใหญ่ให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้
แนวทางนี้จึงมุ่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการเรียนรู้
ส าหรับแนวทางแรก สุมาลี สังข์ศรี (2556: 40-42) เสนอให้ด าเนินการผ่านกระบวนการ
พัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ 11 ขั้นตอน คือ 1) ก าหนดพื้นที่เป้าหมายที่ต้องการพัฒนาให้เป็นชุมชนแห่ง
การเรียนรู้ให้ชัดเจน 2) หาจุดเริ่มต้นในแต่ละชุมชนและจัดตั้งกลุ่มแกนกลาง หาจุดเริ่มต้นเพื่อให้ขยาย
แนวคิด ซึ่งอาจเป็นบุคคล องค์กร หรือหน่วยงานหลักในชุมชน จากนั้นให้ตั้งกลุ่มแกนกลางหรือองค์กร
เพื่อด าเนินงาน 3) สร้างความสนใจในวงกว้าง หาวิธีการขยายแนวคิด ซึ่งอาจท าโดยการจัดประชุม
เวทีชาวบ้าน หรือใช้สื่อประชาสัมพันธ์ 4) แสวงหาหุ้นส่วนความร่วมมือ เพื่อมีส่วนร่วมในการด าเนิน
กิจกรรม 5) วิเคราะห์ชุมชน ก าหนดวัตถุประสงค์ และจัดท าแผนพัฒนา 6) วิเคราะห์ศักยภาพหุ้นส่วน
และแบ่งปันความรับผิดชอบ 7) ด าเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 8) เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย แนะแนวและ
สนับสนุน 9) ติดตามประเมินผลและเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้น 10) ประชาสัมพันธ์แลกเปลี่ยนเรียนรู้ น าสิ่ง
ที่เรียนรู้ไปใช้ประโยชน์ และ 11) สร้างเครือข่ายสังคมแห่งการเรียนรู้
ส่วนแนวทางที่สอง เป็นการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเรียนรู้ ซึ่งพระราชบัญญัติ
การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2553 ได้บัญญัติ
ไว้ในหมวด 4 แนวการจัดการศึกษา มาตรา 25 ให้รัฐต้องส่งเสริมการด าเนินงานและจัดตั้งแหล่งเรียนรู้
เอกสารประกอบการสอนรายวิชากระบวนทัศน์ทางการศึกษา พรใจ ลี่ทองอิน | 165