Page 9 - วารสารสุขภาพ สำนักอนามัย ปีที่ 6 ฉบับที่ 4
P. 9
หากเกิดการเหนื่อยล้าอย่าเข้าใจผิด
ว่าการรับประทานของหวานจะช่วยได้ ถ้าเพลียมากๆ
ควรนอนพักผ่อน ไม่ควรรับประทานของหวานเพื่อเพิ่ม
ความกระชุ่มกระชวย
เก็บของหวานให้ไกลตัวที่สุด หรือถ้าเป็นไปได้
อย่าให้มีอยู่ในบ้าน บนโต๊ะท�างาน หรือในกระเป๋า
งดน�้าตาลเทียมทุกชนิด เพราะแม้จะไม่ท�าให้
อ้วน แต่ก็ท�าให้ติดรสหวานได้เช่นกัน
ใช้น�้าตาลธรรมชาติแท้ๆ แทน เช่น น�้าผึ้ง
อยากหยุดหวานต้องท�าอย่างไร... น�้าเชื่อมจากข้าวโพด
ดื่มน�้ามากๆ จะช่วยลดความอยากรับประทาน
รับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ และ น�้าตาล
ตรงเวลา ส่วนอาหารเสริมอีก 1-2 มื้อ ควรเป็นผลไม้ ออกก�าลังกายอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย
เพื่อปรับให้ร่างกายคุ้นเคยกับการรับสารอาหาร 30 นาทีต่อวัน หรือใช้ก�าลังมากกว่าปกติ เช่น แอโรบิค
อย่างเต็มที่ เป็นการรักษาระดับน�้าตาลในเลือดให้ปกติ วิ่ง โยคะ เพื่อให้ร่างกายได้น�าน�้าตาลส่วนเกินออกมาใช้
เลือกรับประทานผักและผลไม้สด อ่านฉลากก่อนทุกครั้งที่จะต้องซื้ออาหาร
เป็นหลัก หากต้องการของหวานมากๆ ให้เน้นผลไม้ที่มี ที่มีรสหวาน ถ้าเป็นอาหารชนิดเดียวกัน ให้ลองเลือกดู
รสหวาน เช่น ส้ม มะละกอ แอปเปิ้ล เพราะน�้าตาลจาก จากหลายๆ ยี่ห้อ และเทียบปริมาณน�้าตาลดูว่ายี่ห้อไหน
ผลไม้สดจะไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มีน�้าตาลน้อยที่สุดให้เลือกยี่ห้อนั้น
ถึงแม้ว่าอาหารประเภทของหวานน่ารับประทานมาก แต่หากทานเกินไปก็ส่งผลเสียต่อ
ร่างกายได้อย่างมหาศาล แม้อาหารที่มีน�้าตาลมากบางชนิดไม่มีไขมันเป็นส่วนประกอบ แต่เมื่อ
รับประทานเข้าไปในปริมาณมากแล้วร่างกายจะเก็บสะสมอยู่ในรูปของไขมัน หากรับประทาน
มากเกินไปจะท�าให้ไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง ส่งผลให้หัวใจท�างานหนัก เพราะฉะนั้นในหนึ่งวัน
ร่างกายของเราไม่ควรได้รับน�้าตาลเกิน 4-6 ช้อนชา หรือ ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
วารสารสุขภาพ 9
ส�านักอนามัย