Page 109 - OB
P. 109
แรงจูงใจ 93
จำกที่กล่ำวมำจะเห็นได้ว่ำ เมื่อบุคคลเกิดควำมต้องกำร โดยอยู่ในสภำวะที่ถูกจูงใจ
จะท ำให้บุคคลมีควำมตั้งใจหรือเกิดแรงผลักภำยในตัวบุคคล (พลังภำยในหรือแรงขับ) เพื่อคอย
กระตุ้นให้บุคคลพยำยำมแสดงพฤติกรรมเข้ำหำเป้ ำหมำยหรือสิ่งที่ตนต้องกำร โดยแสดง
พฤติกรรมออกมำ ซึ่งเมื่อบุคคลบรรลุเป้ ำหมำยโดยได้ในสิ่งที่ตนต้องกำรหรือควำมต้องกำรได้รับ
กำรตอบสนองแล้ว ก็จะท ำให้เกิดควำมพึงพอใจขึ้น
อย่ำงไรก็ตำม ควำมท้ำทำยและน่ำสนใจของกำรน ำเรื่องแรงจูงใจไปประยุกต์ใช้กับ
กำรบริหำรองค์กำรนั้น มิได้อยู่ที่กำรเข้ำใจกระบวนกำรเกิดแรงจูงใจเพียงเท่ำนั้น แต่ผู้บริหำรและ
นักบริหำรทรัพยำกรมนุษย์ที่ดี ควรใส่ใจถึงเป้ ำหมำยหรือควำมต้องกำรของพนักงำนอีกด้วย ซึ่งถือ
ว่ำเป็นเรื่องส ำคัญในกำรสร้ำงแรงจูงใจแก่พนักงำน โดยเมื่อพนักงำนเข้ำมำท ำงำนในองค์กำรก็จะมี
เป้ ำหมำยของตนเอง เช่น ต้องกำรเงินเดือนสูงๆ ต้องกำรต ำแหน่งหน้ำที่กำรงำนที่ดี เป็นต้น และ
ส ำหรับองค์กำรก็มีเป้ ำหมำยของตนเอง เช่น ต้องกำรผลก ำไร ต้องกำรให้องค์กำรเติบโตอยู่รอดได้
ดังนั้น ผู้บริหำรหรือนักบริหำรทรัพยำกรมนุษย์จะต้องสื่อสำรและสร้ำงกำรรับรู้เพื่อให้พนักงำน
เข้ำใจและเห็นควำมสัมพันธ์กันระหว่ำงเป้ ำหมำยขององค์กำรกับเป้ ำหมำยของพนักงำนอย่ำง
สม ่ำเสมอด้วย มิฉะนั้นพนักงำนอำจจะเกิดควำมรู้สึกว่ำกำรท ำงำนให้บรรลุเป้ ำหมำยขององค์กำร
นั้น อำจไม่ช่วยส่งเสริมให้สำมำรถบรรลุเป้ ำหมำยหรือตอบสนองควำมต้องกำรของพนักงำนได้
ท้ำยที่สุดแล้ว พนักงำนอำจแสดงพฤติกรรมในกำรท ำงำนที่ไม่เต็มศักยภำพ ท ำงำนไปวันๆ หรือ
ถ้ำเป็นพนักงำนที่มีศักยภำพอำจลำออกจำกองค์กำรเพื่อไปหำงำนท ำใหม่ในองค์กำรที่สำมำรถ
ตอบสนองควำมต้องกำรของพนักงำนได้
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจ
ส ำหรับทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจนั้น จำกกำรทบทวนเอกสำรและวรรณกรรม
ที่เกี่ยวข้องพบว่ำ ได้มีกำรจัดกลุ่มทฤษฎีเรื่องแรงจูงใจ (motivation theories) โดยสำมำรถแบ่ง
ออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ กลุ่มทฤษฎีแรงจูงใจที่เน้นเนื้อหำ กลุ่มทฤษฎีแรงจูงใจที่เน้น
กระบวนกำร และกลุ่มทฤษฎีด้ำนกำรเสริมแรง ดังนี้ (Lussier & Achua, 2013, p. 82-83)