Page 56 - OB
P. 56

40    บทที่ 2



               อำจจะหำงำนได้ยำกสักนิด เลยยังไม่อยำกลำออกก่อน หรืออำจให้เหตุผลกับตัวเองว่ำ งำนที่ท ำ
               อยู่ในปัจจุบันก็ยังดีกว่ำงำนอื่นๆ อีกมำก หรือท้ำยที่สุดอำจเป็นกำรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้

               สอดคล้องกับทัศนคติของตนที่รู้สึกไม่พึงพอใจกับองค์กำรนั่นก็คือ กำรลำออกจำกองค์กำรไป

               ในที่สุด” ซึ่งนั่นเป็นวิธีกำรที่จะท ำให้บุคคลสำมำรถลดควำมขัดแย้งทำงกำรรับรู้ของตนลงได้
               ท ำให้กำรรับรู้ระหว่ำงทัศนคติกับพฤติกรรมมีควำมสอดคล้องกันมำกขึ้น



                         จำกที่กล่ำวมำข้ำงต้น สำมำรถสรุปได้ว่ำ กำรที่บุคคลแสดงพฤติกรรมออกมำ
               แตกต่ำงกันนั้น เป็นผลมำจำกกระบวนกำรรับรู้และเรียนรู้ของแต่ละบุคคลที่สั่งสมมำตั้งแต่เกิด

               จนถึงปัจจุบัน โดยกระบวนกำรรับรู้และเรียนรู้ของแต่ละบุคคลจะสั่งสมจนเกิดเป็นควำมเชื่อ

               หลังจำกนั้นจึงพัฒนำขึ้นเป็นค่ำนิยม ซึ่งเป็นกำรให้คุณค่ำกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่บุคคลยึดถือหรือมี
               ควำมเชื่ออยู่ จำกนั้นจึงก่อตัวเป็นทัศนคติ โดยสะท้อนควำมรู้สึกต่ำงๆ ที่บุคคลมีต่อสิ่งใดสิ่ง

               หนึ่ง ชอบหรือไม่ชอบ พอใจหรือไม่พอใจ และสุดท้ำยก็แสดงพฤติกรรมดังกล่ำวออกมำที่

               สอดคล้องกัน  ดังนั้น เมื่อบุคคลเข้ำสู่กำรท ำงำนในองค์กำร บุคคลก็จะน ำควำมเชื่อ ค่ำนิยม

               ทัศนคติที่ติดตัวมำ ตลอดจนน ำควำมรู้ควำมสำมำรถอื่นๆ ออกมำใช้ โดยแสดงออกมำในรูป
               ของพฤติกรรมในกำรท ำงำน ซึ่งพฤติกรรมในกำรท ำงำนของแต่ละบุคคลที่แสดงออกมำนั้นก็

               ย่อมส่งผลต่อผลกำรปฏิบัติงำนของบุคคลตำมมำด้วยเช่นกัน



               ตัวอย่างงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับพื้นฐานของพฤติกรรมปัจเจกบุคคล



                          ในส่วนกำรศึกษำและท ำกำรวิจัยเกี่ยวกับพื้นฐำนของพฤติกรรมปัจเจกบุคคลอัน
               ได้แก่ ควำมเชื่อ ค่ำนิยม หรือทัศนคตินั้น ผู้เขียนได้รวบรวมตัวอย่ำงงำนวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อ

               แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของควำมเชื่อที่มีต่อกำรท ำงำน ควำมส ำคัญของกำรศึกษำทัศนคติของ

               พนักงำนเกี่ยวกับควำมพึงพอใจในกำรท ำงำน หรือควำมผูกพันต่อองค์กำรของพนักงำนใน
               องค์กำรต่ำงๆ โดยมีรำยละเอียดดังต่อไปนี้



                          วรศักดิ์ ปำลีคุปต์ (2550) ได้ท ำกำรศึกษำเรื่อง วัฒนธรรม ประเพณี และควำมเชื่อ
               ของลูกจ้ำงแรงงำนที่มีผลต่อกำรประกอบธุรกิจโรงงำนอุตสำหกรรมในจังหวัดสุรินทร์ ซึ่ง

               ท ำกำรศึกษำโดยใช้กำรสัมภำษณ์เชิงลึกจำกกลุ่มลูกจ้ำงแรงงำน 3  ชำติพันธุ์ ได้แก่ เขมร ลำว

               และกูย ผลกำรศึกษำพบว่ำ วัฒนธรรม ประเพณี และควำมเชื่อที่ทั้ง 3 กลุ่มชำติพันธุ์ยึดถือปฏิบัติ
   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61