Page 110 - หนังสือเรียนภาษาไทย ม.ปลาย พท.31001
P. 110
101
ชา ๆ ไดพราสองเลมงาม กิน ๆ เขาไปเถอะ
จะเห็นวาคําที่ซ้ํากันจะมีทั้งคํานาม กริยา คําสรรพนามและจะมีการบอกเวลาบอก
จํานวนดวย
2.5 ความหมายผิดไปจากเดิมหรือเมื่อซ้ําแลวจะเกิดความหมายใหมหรือมีความหมายแฝง เชน
เรื่องหมู ๆ แบบนี้สบายมาก (เรื่องงาย ๆ)
อยู ๆ ก็รองขึ้นมา (ไมมีสาเหตุ)
จะเห็นไดวาการนําคํามาซ้ํากันนั้นทําใหไดคําที่มีรูปและความหมายแตกตางออกไป ดังนั้น
การสรางคําซ้ําจึงเปนการเพิ่มคําในภาษาไทยใหมีมากขึ้นอยางหนึ่ง
3. การซอนคํา คือ การสรางคําโดยการนําเอาคําตั้งแตสองคําขึ้นไปซึ่งมีเสียงตางกันแตมี
ความหมายเหมือนกันหรือคลายคลึงกันหรือเปนไปในทํานองเดียวกันมาซอนคูกัน เชน เล็กนอย รักใคร
หลงใหล บานเรือน เปนตน ปกติคําที่นํามาซอนกันนั้นนอกจากจะมีความหมายเหมือนกันหรือใกลเคียงกัน
แลว มักจะมีเสียงใกลเคียงกันดวย ทั้งนี้ เพื่อใหออกเสียงไดงาย สะดวกปาก คําซอนทําใหเกิดคําใหมหรือ
คําที่มีความหมายใหมเกิดขึ้นในภาษา ทําใหมีคําเพิ่มมากขึ้นในภาษาไทย อันจะชวยใหการสื่อความหมาย
และการสื่อสารในชีวิตประจําวันมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น คําที่นํามาซอนกันแลวทําใหเกิดความหมายนั้น
แบงเปน 2 ลักษณะ คือ
3.1 ซอนคําแลวมีความหมายคงเดิม การซอนคําลักษณะนี้จึงนําคําที่มีความหมายเหมือนกัน
มาซอนกันเพื่อไขความหรือขยายความซึ่งกันและกัน เชน วางเปลา โงเขลา รูปราง ละทิ้ง อิดโรย บาดแผล
เปนตน
3.2 ซอนคําแลวมีความหมายเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คําซอนที่เปนคําที่เกิดความหมายใหมนี้
มีลักษณะคือ
ก. ความหมายเชิงอุปมา เชน ยุงยาก ออนหวาน เบิกบาน เปนตน
ข. ความหมายกวางออก เชน เจ็บไข พี่นอง ทุบตี ฆาฟน เปนตน
ค. ความหมายแคบเขา เชน ใจดํา ปากคอ ญาติโยม หยิบยืม น้ําพักน้ําแรง สมสุก
ลูกไม เปนตน
การแยกลักษณะคําซอนตามลักษณะการประกอบคํานั้นจะมีลักษณะคําซอน 2 คําและคําซอน
มากกวาสองคํา เชน บานเรือน สวยงาม ยากดีมีจน เจ็บไขไดปวย อดตาหลับขับตานอน จับไมไดไลไมทัน
เปนตน
4. การสรางคําประสม การสรางคําขึ้นใชในภาษาไทยสวนหนึ่งจะใชวิธีประสมคําหรือวิธีการ
สรางคําประสม โดยการนําเอาคําที่มีใชอยูในภาษาไทย ซึ่งมีรูปคําและความหมายของคําแตกตางกัน
มาประสมกันเพื่อใหเกิดคําใหม และมีความหมายใหมในภาษาไทย เชน พัดลม ไฟฟา ตูเย็น พอตา ลูกเสือ
แมน้ํา เรือรบ น้ําหอม น้ําแข็ง เมืองนอก เปนตน