Page 103 - คมองานบรหาร_Neat
P. 103
99
กลุ่ม 2 ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ ประเภทคดีที่มีสัดส่วนมากที่สุดคือ คดีลักทรัพย์ และถือเป็น
คดีที่มีสัดส่วนมากที่สุดในคดีทุกประเภท ดังนั้นกลุ่มคดีประทุษร้ายต่อทรัพย์จึงเป็นคดีที่กระทบต่อภาพรวม
ทั้งหมด ผู้บริหารงานป้องกันปราบปรามจ าเป็นต้องวิเคราะห์รูปแบบของการเกิดคดีประเภทนี้ในพื้นที่
รับผิดชอบที่มีความแตกต่างกัน และก าหนดมาตรการที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
กลุ่ม 3 ความผิดพิเศษ ประเภทคดีที่สัดส่วนมากที่สุด คือ คดี พ.ร.บ.ป่าไม้ และ พ.ร.บ.ห้าม
เรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา
กลุ่ม 4 คดีที่รัฐเป็นผู้เสียหาย บ่งชี้ถึงประสิทธิภาพในการจับกุมผู้กระท าผิดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
คดียาเสพติด อาวุธปืน จ าหน่ายสุราฯ หากจับกุมได้มากย่อมจะส่งผลต่อการป้องกันคดีประทุษร้ายต่อชีวิต
ร่างกาย เพศ และทรัพย์
4) การวิเคราะห์สถานที่และวันเวลาที่เกิดเหตุ ผู้บริหารงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม
มีเครื่องมือที่ใช้ส าหรับการวิเคราะห์ คือ แผนที่และนาฬิกาอาชญากรรม ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการก าหนด
แผนการตรวจและการจัดก าลังเพื่อป้องกันเหตุ
ผลการวิเคราะห์ดังกล่าว ย่อมจะเป็นข้อมูลย้อนกลับให้ผู้บริหารงานป้องกันปราบปราม ได้ทราบว่า
สถานภาพอาชญากรรมในพื้นที่รับผิดชอบเป็นอย่างไร ผลการปฏิบัติที่ผ่านมาบรรลุผลส าเร็จตามวัตถุประสงค์
หรือไม่ เพียงใด รวมทั้งปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น เพื่อน ามาปรับแผนการปฏิบัติเช่น แผนการตรวจของสายตรวจ
ประจ าวัน แผนการตั้งจุดตรวจค้น (ว.43) แผนปฏิบัติตามภารกิจเฉพาะตามนโยบายของหน่วยแผนการตรวจ
สัมพันธ์ เป็นต้น
6. ความเชื่อมโยงของการประเมินผลงานป้องกันปราบปรามและงานสายตรวจ
การประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้บริหารงานของป้องกันปราบปราม นอกจากด าเนินการเพื่อใช้
ปรับปรุงการบริหารภายในหน่วยและการให้ความดีความชอบแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาแล้ว ในปัจจุบันผล
การประเมินภายในหน่วยมีความเชื่อมโยงไปสู่การประเมินผลการปฏิบัติด้านอื่น ๆ ดังนี้
6.1 การประเมินผลการปฏิบัติราชการตามค ารับรองการปฏิบัติราชการประจ าปี เป็นการ
ประเมินผลการปฏิบัติราชการของทุกส่วนราชการ ซึ่งส านักงานต ารวจแห่งชาติจะท าข้อตกลงเกี่ยวกับตัวชี้วัดที่
จะใช้ประเมินผล
โดยตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม มีดังนี้
ตัวชี้วัดเป้าหมาย
1) ระดับความพึงพอใจและความเชื่อมั่นของผู้เสียหายต่อการปฏิบัติหน้าที่ของต ารวจเพิ่มขึ้น
2) ระดับความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมของประชาชนลดลง
3) อัตราการเกิดคดีต่อประชากรแสนคน (1. กลุ่มชีวิต ร่างกายและเพศ 2. กลุ่มทรัพย์)
4) สถิติในการไม่แจ้งความคืบหน้าของการด าเนินคดีต่อผู้เสียหายลดลง
5) ประชาชนมีช่องทางในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมของต ารวจเพิ่มขึ้น