Page 68 - คู่มือ RF -kt-20-08-2018-4-45 (ฉบับเต็ม)_(29-08-18)
P. 68
4. เกิดอะไรขึ้นบ้าง
5. มีใครเกี่ยวข้องบ้าง
6. ผู้เรียนได้ท าอะไรบ้าง
7. ผู้เรึยนมีบทบาทอย่างไรบ้าง
การจัดการเรียนรู้แบบสะท้อนคิดเป็นแนวทางหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอนที่
ต้องการเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนโดยเน้นทักษะทางปัญญา การเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้เรียน
ผ่านการสะท้อนคิดโดยตนเองและเพื่อนในกลุ่ม ท าให้เกิดการพัฒนาความสามารถในการคิดวิเคราะห์
แก้ปัญหาและสามารถประยุกต์ทฤษฎีที่ได้เรียนรู้สู่การปฏิบัติ การสะท้อนคิดเกิดกับตัวผู้เรียนได้ทั้งจากการ
เรียนในภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ โดยผู้เรียนน าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมาคิด วิเคราะห์ใคร่ครวญตามความคิด
ความเข้าใจของตนเอง ก่อนที่จะบอกต่อผู้อื่นโดยผ่านการพูดและการเขียน วิธีการสะท้อนคิด จึงเป็นการ
พัฒนาผู้เรียนทางด้านทักษะทางปัญญา ผู้สอนมีบทบาทส าคัญในการช่วยกระตุ้น ส่งเสริมความก้าวหน้าและ
ความส าเร็จของผู้เรียน ด้วยการเสริมแรง ช่วยเหลือ ประสานงานด้านต่างๆ ให้ค าปรึกษาแนะน าโดยเน้น
ผู้เรียนเป็นส าคัญ กระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการคิด ใช้ปัญญาเพื่อการเรียนรู้ที่ยั่งยืนและมีความสุขใน
การเรียน
เครื่องมือในการวัดและประเมินผลการสะท้อนคิด
เครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินผลการสะท้อนคิดมีหลายชนิด ซึ่งในที่นี้ขอเสนอลักษณะของ
เครื่องมือที่นิยมใช้ 4 ประเภท ดังนี้
1. แบบส ารวจรายการ (Checklist) เป็นเครื่องมือวัดที่มีลักษณะ เป็นข้อรายการที่
รวบรวมไว้เพื่อตรวจสอบรายการ พฤติกรรม หรือกิจกรรมเป้าหมายว่ามีการด าเนินการ หรือปฏิบัติเป็นไปตาม
ข้อรายการนั้นหรือไม่ การพิจารณาข้อความอาจอยู่ในรูปแบบ มีพฤติกรรม/ไม่มีพฤติกรรม ปฏิบัติ/ไม่ปฏิบัติ
หรือใช่/ไม่ใช่
2. แบบประเมินมาตรประมาณค่า (Rating Scale) เป็นเครื่องมือวัดมีลักษณะเป็น
กลุ่มของข้อความที่ออกแบบให้ดึงเอาข้อมูลด้านคุณลักษณะที่ต้องการออกมา มาตรประมาณค่าเป็นเครื่องมือ
ที่นิยมเนื่องจากเชื่อว่า ข้อความ หรือกลุ่มข้อความที่ใช้จะถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก เจตคติ หรือคุณลักษณะ
อื่น ๆ ที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ออกมาทางข้อความที่ใช้ องค์ประกอบที่ส าคัญของมาตรประมาณค่าจะ
ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ข้อความสัมพันธ์กับคุณลักษณะที่ต้องการวัด และส่วนที่ 2 ระดับความมาก
น้อยของพฤติกรรม / ความเห็นพ้องกับข้อความ ซึ่งอาจแบ่งระดับแตกต่างกันได้ส าหรับการประเมินแต่ละ
คุณลักษณะ รูปแบบของระดับคะแนนมักเรียงจากน้อยไปมาก เช่น เรียงระดับความถี่ของพฤติกรรม (ไม่เคย
>>บ่อย) หรือระดับความเห็นพ้องของข้อความ (ไม่เห็นด้วย >>เห็นด้วยอย่างยิ่ง) เป็นต้น