Page 10 - คู่มือปฏิบัติงานสำหรับวิสัญญีพยาบาล 2562
P. 10
4. หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ อาจมีสาเหตุจากการกระตุ้นในบริเวณช่องปาก คอหอย หลอดลมคอ ในขณะที่ผู้ป่วย
ได้รับยาสลบในระดับลึกไม่เพียงพอ นอกจากนี้อาจเป็นผลจากภาวะขาดออกซิเจน หรือมีคาร์บอนไดออกไซด์คั่ง
วิธีการรักษาให้แก้ไขตามสาเหตุคือ
ก. เพิ่มระดับความลึกของยาสลบ ในรายที่คาดว่าผู้ป่วยสลบตื้น พร้อมกับบอกให้ศัลยแพทย์หยุดการผ่าตัด
ชั่วคราว
ข. เพิ่มความเข้มข้นของก๊าซออกซิเจน
ค. ช่วยหายใจเพิ่มขึ้น หรือขอร้องให้ศัลยแพทย์แก้ไขพยาธิสภาพที่ท าให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ เพื่อ
ช่วยหายใจได้อย่างสะดวก
ง. บริหาร lidocaine 1-2 มิลลิกรัม/กิโลกรัม IV ส าหรับรักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิด premature
ventricular contraction (PVCs) ที่มีจ านวนมากกว่า 5 ครั้ง/นาที หรือมีลักษณะ multifocal
นอกจากนี้อาจพบภาวะหัวใจเต้นช้ากว่าปกติจากการให้ยา succinylcholine รักษาโดยการให้ atropine
0.3-0.6 มิลลิกรัม IV ในผู้ใหญ่ และขนาด 0.01-0.015 มิลลิกรัม/ กิโลกรัม IV ในเด็ก
5. ภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ jet ventilation ได้แก่ pneumothorax, barotrauma, gastric dilatation,
aspiration เป็นต้น ซึ่งมีประเด็นส าคัญ ดังนี้
ก. ลมในช่องเยื่อหุ้มปอด เกิดจากการช่วยหายใจผู้ป่วยด้วยแรงดันบวกสูงกว่าปกติ หรือทางเดินหายใจถูกอุด
กั้นท าให้หายใจออกไม่ได้ ท าให้ถุงลมปอดแตก ลมจึงเข้าไปอยู่ในช่องเยื่อหุ้มปอด ต้องอาศัยอาการแสดงของผู้ป่วยใน
การวินิจฉัย ดังนี้
1) ชีพจรเร็ว
2) ความดันเลือดลดลงเนื่องจากลมที่คั่งอยู่จะเบียด mediastinum ไปด้านตรงข้ามท าให้ปริมาณเลือดที่ไหล
กลับเข้าสู่หัวใจน้อย
3) ต่อมาจะสังเกตเห็นผิวหนังเป็นสีเขียวคล้ า เนื่องจากขาดออกซิเจนและ compliance ของปอดลดลง
4) ความดันทางเดินหายใจสูงขึ้น
5) ระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดแดงลดลง
6) ถ้าวัดความดันเลือดด า อาจสูงขึ้นเล็กน้อย
7) อาจมีหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจหยุดเต้นได้
การตรวจร่างกาย เมื่อฟัง breath sound ข้างที่มีพยาธิสภาพจะเบากว่าปอดอีกข้างและเคาะโปร่งกว่า อาจ
สังเกตเห็นลมแทรกอยู่ใต้ผิวหนังทั่วไป (subcutaneous emphysema) หรือมีลมเซาะไปข้าง ๆ หลอดลมคอ
หลอดลมคออาจถูกเบียดไปด้านตรงข้าม ซึ่งผู้ให้ยาระงับความรู้สึกจะคล าและได้ความรู้สึกว่ามีเสียงกร๊อบแกร๊บคล้าย
กระดาษแก้วถูไปมาอยู่ใต้ผิวหนังของผู้ป่วยบริเวณทรวงอก นอกจากนี้การตรวจวิเคราะห์ก๊าซในเลือดแดง จะแสดงค่า
PaO2 ลดลงผิดปกติและมีคาร์บอนไดออกไซด์คั่ง เมื่อสงสัยว่ามีถุงลมปอดแตก ให้หยุดท าหัตถการพร้อมทั้งถอด
เครื่องมือตรวจกล่องเสียง ช่วยหายใจด้วยออกซิเจนความเข้มข้นสูงผ่านทางหน้ากากช่วยหายใจแล้วให้การรักษา
ดังต่อไปนี้
1) ถ้าผู้ป่วยมีลมในช่องเยื่อหุ้มปอดน้อย (ดูจากภาพถ่ายรังสีที่แสดงว่าลมที่อยู่ในช่องเยื่อหุ้มปอดนั้นกดให้
ปอดแฟบไม่เกินร้อยละ 20) ผู้ป่วยสามารถหายใจเองได้เพียงพอ การรักษาอาจให้เพียงสูดดม 100% ออกซิเจนแล้ว
ติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด
2) ใช้ IV catheter No.18 G ต่อเข้ากับกระบอกฉีดยา 20 cc. เจาะที่บริเวณช่องซี่โครงที่ 2 แนว
midclavicular line ถ้ามีลมค้างอยู่ในช่องเยื่อหุ้มปอดจะดูดได้ลมออกมา ให้ดึงแกนเข็มอันในและกระบอกฉีดยาออก
คาปลอกพลาสติกไว้แล้วต่อเข้ากับข้อต่อสามทาง โดยต่อปลายเข้ากับกระบอกฉีดยาส่วนปลายอีกด้านหนึ่งต่อเข้ากับ
7