Page 9 - คู่มือปฏิบัติงานสำหรับวิสัญญีพยาบาล 2562
P. 9
การเตรียมอุปกรณ์เพิ่มเติม
1. Anesthesia machine check follow base safety guideline
2. อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมพิเศษ
ก. ในกรณีที่ต้องการดมยาชนิด jet ventilation ต้องเตรียมเครื่อง jet ventilator ไว้ ถ้าผู้ป่วยเป็นเด็กให้ตั้ง
pressure ไว้ที่ 5-15 mmHg, ถ้าเป็นผู้ใหญ่ให้ตั้ง pressure ไว้ที่ 20-30 mmHg
ข. ในกรณีที่ไม่ได้ใช้วิธี jet ventilation ควรเตรียม laser endotracheal tube ไว้ ซึ่งจะมีชนิด laser-flex
tube หรือ ETT ที่พัน foil และควรเตรียม NSS ไว้เพื่อ inflate cuff เพราะถ้า cuff ซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่ทนไฟ ถูกแสง
laser NSS จะช่วยดับไฟได้ โดยใช้ NSS 3-5 cc blow เข้าทาง distal (สีฟ้า) ของ laser-flex tube และ blow cuff
ด้วย air ทาง proximal (สีขาว)
ค. ในกรณีที่ผู้ป่วยมีท่อเจาะคอชนิดโลหะ (silver tube tracheostomy) จะต้องเอา inner tube ออกก่อน
แล้วสวมข้อต่อปรับขนาด (slip joint) หรือเตรียม non-cuff endotracheal tube ที่สวมได้แน่นพอดีกับปลายชน
ของท่อเจาะคอชนิดโลหะ และให้ยาสลบชนิดสูดดมทางท่อเจาะคอหรือ TIVA แล้วแต่ความเหมาะสม
ง. กรณีที่ศัลยแพทย์ต้องการให้ ventilate ผ่าน bronchoscope ให้ต่อ circuit เข้ากับBronchoscope port
และ ventilate ได้ตามปกติ
การเฝ้าระวัง
Monitoring มีการเฝ้าระวังตามมาตรฐาน
Standard 1 บุคลากรวิสัญญี (วิสัญญีแพทย์ แพทย์ใช้ทุน แพทย์ประจ าบ้าน วิสัญญีพยาบาล)
Standard 2 ได้แก่ EKG, NIBP, SpO2, capnometer (ET-CO2), airway pressure
Special monitoring: precordial stethoscope
หมายเหตุ ต้องเปิดระดับเสียงของ SpO2 ให้ได้ยินทั้งทีม
ข้อควรระวัง ต้องมีการเฝ้าระวังและสังเกตภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการให้ยาระงับความรู้สึก
ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตรวจกล่องเสียงโดยทางตรงและการตรวจหลอดลม
1. ภาวะขาดออกซิเจน ต้องสังเกตและฟังเสียง SpO2 ตลอดเวลา ถ้าลดลงจากเดิม 4-5% ต้องบอกให้ศัลยแพทย์
หยุดการผ่าตัดทันที หรือรีบแก้ไขสาเหตุที่ท าให้ผู้ป่วยขาดออกซิเจน แล้วช่วยหายใจด้วยออกซิเจน 100% หลังแก้ไข
ให้ SpO2 อยู่ในระดับปกติแล้วจึงยินยอมให้ศัลยแพทย์ท าหัตถการต่อได้
2. ภาวะคาร์บอนไดออกไซด์คั่ง ต้องสังเกตอาการ อาการแสดง ดังนี้
ก. ชีพจรเร็ว ความดันเลือดสูงขึ้น มีเหงื่อออก
ข. หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ (arrhythmia)
ค. เมื่อตรวจวิเคราะห์ก๊าซในเลือดแดงพบระดับ PaCO2 สูงกว่า 40 มิลลิเมตรปรอท
นอกจากนี้ผู้ให้ยาระงับความรู้สึกต้องหมั่นสังเกตดูการเคลื่อนไหวของทรวงอก เพื่อประเมินภาวะ
hypoventilation ซึ่งอาจท าให้เกิดการขาดออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์คั่งตามมา
3. ความดันเลือดสูง เนื่องจากการ DL และการใส่ท่อช่วยหายใจเป็นการกระตุ้นที่รุนแรง อาจท าให้ความดัน
เลือดสูงขึ้นได้มากจนอาจเป็นอันตรายร้ายแรงในผู้ป่วยความดันเลือดสูงหรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มีแนวการ
ป้องกันและรักษา ดังนี้
ก. ให้ยาน าสลบให้เพียงพอ
ข. ผู้ป่วยที่มีความดันเลือดสูง นิยมใช้ cardepine 0.5 มิลลิกรัม IV
ค. ให้ lidocaine 1.5-2 มิลลิกรัม/ กิโลกรัม IV 1½-2 นาทีก่อนให้ยาน าสลบ
ง. ให้ยาหย่อนกล้ามเนื้อให้เพียงพอส าหรับหย่อนกล่องเสียงและสายเสียง
จ. รักษาระดับความลึกของยาสลบให้เหมาะสมระหว่างการผ่าตัดเพื่อป้องกันความดันเลือดสูง
6