Page 25 - คู่มือปฏิบัติงานสำหรับวิสัญญีพยาบาล 2562
P. 25
การเตรียมยาและสารน้ า
1. เตรียมยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไปตามมาตรฐาน ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก เช่น oxytoxin,
methergin เป็นต้น
2. ตรวจสอบว่ามียาเพิ่มความดันโลหิต เช่น ephedrine เป็นต้น พร้อมใช้เมื่อต้องการ
3. การเตรียมสารน้ า/เลือดและส่วนประกอบของเลือด โดยมีการอุ่นสารละลายชนิด crystalloid, colloid
ตามความเหมาะสม เตรียมเลือดและส่วนประกอบของเลือดตามความเหมาะสม
3. การระงับความรู้สึก
การเลือกวิธีระงับความรู้สึก
1. โดยทั่วไปเลือกวิธีฉีดยาชาเข้าช่องไขสันหลัง ยกเว้น ผู้ป่วยปฏิเสธ มีความผิดปกติเรื่องการแข็งตัวของ
เลือด มีโรคที่ไม่สามารถทนต่อการลด SVR ได้ และผู้ป่วยที่จ าเป็นต้องรับการผ่าตัดทันที เช่น fetal
distress, prolapsed cord เป็นต้น ส่วนกรณีอื่น พิจารณาตามความเหมาะสม
2. Regional anesthesia ปฏิบัติตามมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับการท า RA
การระงับความรู้สึกแบบ general anesthesia ในผู้ป่วยผ่าตัดคลอด
1. ก่อนน าสลบ ให้สูดดมออกซิเจน 100 % นาน 3-5 นาที ทุกราย
2. เตรียม endotracheal tube no.7 หรือ 6.5 ที่ใส่ stylet แล้ว โดยผู้ที่ใส่ควรมีประสบการณ์สูงเพียงพอ
นอกจากนี้ควรจัดเตรียม LMA ให้พร้อมกรณีใส่ท่อช่วยหายใจไม่ได้
3. เริ่มน าสลบเมื่อศัลยแพทย์พร้อมลงมีดผ่าตัดด้วยวิธี balanced general anesthesia with rapid
sequence induction with cricoid pressure เท่านั้น และเลือกใช้ยาที่ออกฤทธิ์เร็วในขนาดยาที่ท าให้
สามารถใส่ท่อช่วยหายใจได้เร็ว
4. การรักษาระดับความลึกของการระงับความรู้สึก กรณีที่เป็น fetal distress ให้ใช้ออกซิเจน 100 % จนทารก
คลอด ส่วนกรณีอื่นใช้ยาดมสลบร่วมกับออกซิเจนหรือไนตรัสออกไซด์ โดยรักษาระดับความลึกให้มีค่า End
tidal ระหว่าง 0.5-1 MAC และรักษาระดับ SpO2 ให้มากกว่า 95 %
5. เมื่อทารกคลอด พิจารณาให้ยากลุ่ม opioid, sedative, antibiotic, oxytocin, methergin ตามความ
เหมาะสม
6. พิจารณาใช้ General anesthesia with TIVA technique เมื่อผู้ป่วยมีความเสี่ยงของ uterine atony
7. สารน้ าที่ให้ควรอุ่นจนมีอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส
8. เมื่อมีข้อบ่งชี้ให้พิจารณาเปิดเส้นเลือดเพิ่มใช้เข็มขนาดเบอร์ 16 G หรือ 18 G ให้เหมาะกับการให้เลือดและ
ส่วนประกอบของเลือด
9. ติดตามสัญญาณชีพให้อยู่ในช่วงปกติ ถ้าผิดปกติให้ยาตามแนวทางการรักษาของแพทย์
10. ปัสสาวะควรออก 0.5-1 ml/kg/hr ถ้าน้อยกว่านี้ให้เพิ่มสารน้ า
11. ติดตามผลตรวจทางห้องปฏิบัติการเป็นระยะเมื่อจ าเป็น เช่น hematrocrit, ABG, CBC, PT/PTT และเมื่อมี
ข้อบ่งชี้ให้เปิด code MTP และใช้ novo 7 ตามแนวทางปฏิบัติ
12. กรณี arrhythmia need treatment เช่น PVC, SVT, bradycardia เป็นต้น ร่วมกับความดันโลหิตต่ า เป็น
ต้น ให้รายงานแพทย์และเตรียมเครื่อง defibrillator ให้พร้อมใช้
13. CVS unstable เตรียมยาตามแนวทางการรักษาของแพทย์
14. ผู้ป่วยมีภาวะ cardiac arrest โทรแจ้ง code CPR ที่หมายเลขโทรศัพท์ 302 และปฏิบัติตามแนวทางการ
ช่วยชีวิตตามสาเหตุของการเกิด cardiac arrest
22