Page 92 - สรป 4Y กมธ กิจการเด็กฯ ชุด 25
P. 92

หน้า ๘๐                                                                              ส่วนที่ ๓



               รับช่วงด าเนินงานต่อเมื่อ ๒ ปีที่แล้ว โดยมีหลักการท างานที่มุ่งเน้นให้การป้องกัน ดูแลและช่วยเหลือผู้เสียหาย

                                                                                    ู
                                                                                 ื้
               และให้โอกาสบุคคลเหล่านี้ได้รับการคุ้มครอง การบ าบัดรักษาโรค การฟนฟจิตใจ รวมถึงการฝึกอบรม
               และพัฒนาอาชีพ ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อให้กลับไปใช้ชีวิตต่อไปได้
                                                                    ั
                           การด าเนินงานในการคุ้มครอง ป้องกันและพฒนาอาชีพนั้น อยู่ภายในการก ากับดูแลของ
               คณะกรรมการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. ๒๕๓๙ คือ
                                             ั
               ๑. คณะกรรมการคุ้มครองและพฒนาอาชีพ (ก.ค.อ.) ซึ่งเป็นคณะกรรมการในระดับชาติ มีอ านาจหน้าที่
                                                   ั
               ก าหนดนโยบายการ คุ้มครองและพฒนาอาชีพ ก าหนดแนวทางปฏิบัติร่วมกันกับส่วนราชการ
               และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี และ ๒. คณะกรรมการคุ้มครอง

                     ั
               และพฒนาอาชีพประจ าจังหวัด มีอ านาจหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานระหว่างภาครัฐ
               และภาคเอกชนทั้งในด้านข้อมูล ทรัพยากร และการปฏิบัติงานในการป้องกันและปราบปรามการ
               ค้าประเวณีของจังหวัด ซึ่งการด าเนินงานที่มีอยู่ในส่วนกลางและตามภูมิภาคทุกจังหวัดแล้ว ยังได้มีการ

               ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายปกครอง สาธารณสุข และต ารวจ รวมทั้งภาคเอกชน
               เช่น มูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ และมูลนิธิอิสรชน เป็นต้น ด้วย

                           ในส่วนของการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี
               ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ก าลังด าเนินการอยู่ในขณะนี้ มีเจตนารมณ์ที่จะท าให้
               การค้าประเวณีมีระบบการควบคุมดูแล มีทะเบียนที่ชัดเจน ซึ่งเมื่อเข้ามาอยู่ในระบบถูกต้องตามกฎหมาย

               ก็จะไม่ถูกจับกุม แต่หากออกนอกระบบจะถูกลงโทษ โดยก่อนยกร่างได้มีการรับฟงความคิดเห็น สรุปได้
                                                                                         ั
               เป็น ๒ แนวคิด คือ ๑. เห็นด้วย ให้มีการลงทะเบียนแบบอิสระ หรือ แบบมีสังกัด (อิงอยู่กับสถานบริการ)

               ๒. ไม่เห็นด้วย ที่ให้มีการลงทะเบียนเพราะจะเป็นการถูกตีตราและมีความกังวลในเรื่องชั้นความลับ
               ของข้อมูล รวมถึงอาจเป็นการส่งเสริมค่านิยมที่ไม่ถูกไม่ควรให้แก่เด็กและเยาวชน ซึ่งในการยกร่างกฎหมาย

               นั้น ได้มีการว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อท าการศึกษาแนวคิดและเปรียบเทียบกฎหมายต่างประเทศ เริ่มจากขั้นตอน
               แรกที่ได้มีการจัดกลุ่มเป็น ๓ แบบ คือ
                           ๑. การค้าประเวณีเป็นสิ่งต้องห้าม ผิดกฎหมาย

                           ๒. การค้าประเวณีด้วยตัวเองสามารถท าได้ ไม่ผิดกฎหมาย ยกเว้นในบางลักษณะอาจเป็น
               ความผิดได้ และ

                           ๓. การค้าประเวณีทุกรูปแบบไม่มีความผิด เป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถกระท าได้
                           โดยเห็นว่าแนวทางแบบที่ ๒ น่าจะมีความเหมาะสมกับบริบทของสังคมไทยมากที่สุด
                                      ั
               ส่วนขั้นตอนของการรับฟงความคิดเห็นเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีจากหน่วยงาน
               ภาครัฐและภาคเอกชน ได้ข้อสรุปว่าไม่ควรก าหนดให้เรื่องการค้าประเวณีเป็นเรื่องเสรีเพราะเท่ากับว่า
               การค้าประเวณีจะเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวมีกระบวนการ

               เพมเติมโดยเฉพาะต้องด าเนินการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายว่า การบังคับใช้กฎหมายได้ผลตรงตาม
                  ิ่
               วัตถุประสงค์ของการตรากฎหมายนั้นมากน้อยเพียงใด คุ้มค่ากับภาระที่เกิดขึ้นแก่รัฐและประชาชนหรือไม่
               หรือมีผลกระทบอื่น อันก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชนหรือไม่ เพียงใด ซึ่งกระบวนการประเมินผล

               สัมฤทธิ์ของกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี จึงต้องมีการวิเคราะห์อีกครั้งว่า
               บริบทของสังคมไทยจะเป็นระบบของการลงทะเบียนหรือให้สิทธิกับผู้ค้าประเวณีโดยไม่ต้องลงทะเบียน

               ซึ่งต้องพิจารณาต่อไปว่าหากไม่มีการลงทะเบียนจะไม่มีการรับรองและไม่สามารถควบคุมการค้าประเวณีได้
               โดยจะต้องวิเคราะห์ผลดีผลเสียในเรื่องดังกล่าวตลอดจนการพจารณาเรื่องการเก็บข้อมูลของผู้ลงทะเบียน
                                                                      ิ
   87   88   89   90   91   92   93   94   95   96   97