Page 12 - ການບໍລິຫານຈັດການ ບົດສອນ
P. 12

12


               งานที่ก าหนดไว้ โดยก่อนการประสานงานจะต้องก าหนดความต้องการให้ชัดเจนว่าจะประสานงานให้เกิด

               อะไรหรือเป็นอย่างไร หรือจะท าให้ได้ผลลัพธ์อย่างไร
                      การประสานงานเกิดจากการต้องการให้งานหรือกิจกรรมย่อย ๆ ที่จะท าให้เกิดผลส าเร็จโดยปฏิบัติ

               อย่างสอดคล้องในจังหวะเวลาเดียวกันได้ให้ได้ผลงานที่มีคุณภาพตามมาตรฐานที่เป็นไปตาม ข้อก าหนด

               ประหยัดเวลาและทรัพยากรในการปฏิบัติงาน  การประสานงานไม่ควรจะกระท าโดยใช้อ านาจ สั่งการแต่
               เพียงอย่างเดียว ควรใช้ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเป็นหลัก เพราะความมีน ้าใจต่อกันไว้วางใจกัน   จะเป็นผลให้

               เกิดความร่วมใจมากกว่าการใช้อ านาจหน้าที่ในการผูกมิตร

               ประเภทของการประสานงานแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ

                      1.  การประสานงานภายในหน่วยงานหรือองค์กรเดียวกัน  ซึ่งระบบที่จัดขึ้นส าหรับการประสานงาน
               ควรด าเนินการจัดแผนผังและก าหนดหน้าที่การงานที่ชัดเจน  การจัดให้มีระบบการติดต่อ            สื่อสารที่มี

               ประสิทธิภาพ  การใช้คณะกรรมการร่วมประชุมปรึกษาหารือ  การใช้วิธีการงบประมาณเป็น      เครื่องมือใน

               การควบคุมการปฏิบัติงานให้มีการประสานงานกัน  การติดตามสอดส่องการปฏิบัติงานให้เสร็จตามก าหนด
               มีปัญหาหรือข้อขัดข้องใดบ้างและจัดให้มีการประสานงานกัน    การจัดให้มีเจ้าหน้าที่ด้านการประสานงาน

               โดยเฉพาะเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและอ านวยความสะดวกให้การประสานงานเป็นไปด้วยความ

               เรียบร้อย    การจัดให้มีการประชุมเจ้าหน้าที่ด าเนินงาน  การจัดการฝึกอบรม  การจัดให้มีหน่วยงานแนะน า
               ปรึกษา  การจัดให้มีการมอบอ านาจหน้าที่  การจัดให้มีการบ ารุงขวัญเมื่อปฏิบัติงานหน้าที่ดีเพื่อ   ใช้เป็นหลัก

               ในการให้ความร่วมมือและการประสานงานที่มีประสิทธิภาพ

                      2. การประสานงานระหว่างหน่วยงาน  ระบบการประสานงานระหว่างหน่วยงานควร   จัดให้มี การ

               ก าหนดอ านาจหน้าที่ขององค์กรให้ชัดเจนและเข้าใจง่าย  การใช้คณะกรรมการผสมหรือคณะกรรมการกลาง
               ช่วยกลั่นกรองข้อมูลเพื่อขจัดความขัดแย้งและท าให้มีประสบการณ์ดีขึ้น การใช้วิธี            งบประมาณจะ

               สามารถช่วยพิจารณาแยกและป้องกันปัญหาเรื่องการท างานซ ้าซ้อนได้ดี

               รูปแบบในการประสานงานมีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ

                      แบบทางการและไม่เป็นทางการซึ่ง     ทั้งสองแบบต่างก็มีข้อดีและข้อเสีย
                      1. แบบทางการ  ข้อดี คือ  มีหลักฐานอ้างอิงมีหลักเกณฑ์แน่นอน

                                                  ข้อเสีย คือ  ล่าช้าขาดความคล่องตัว

                      2. แบบไม่เป็นทางการ  ข้อดี  คือ   มีความยืดหยุ่นตามสถานการณ์  สะดวก คล่องตัว
                                                  ข้อเสีย  คือ  อาจจะเกิดการเลือกปฏิบัติ เกิดความสับสนและไม่มีหลักฐานอ้างอิง

                      ประสิทธิภาพของการประสานจะเกิดขึ้นได้ ผู้ประสานจะต้องมีส านึกรับผิดชอบในหน้าที่  รู้บทบาท

               ของตนเอง มีความรอบคอบ  รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ตรงต่อเวลา มีการสื่อสารที่ดี  ยึดมั่นในค าสัญญา มี
               ความมุ่งมันที่จะท างานให้ประสบความส าเร็จ ละทักษะที่จ าเป็นของผู้ประสานที่จะต้อง    หมั่นฝึกฝนตนเอง

               เพื่อเพิ่มทักษะในการประสานงานได้แก่ ทักษะการคิดวางแผนด าเนินงานตามขั้นตอน ทักษะในการปฏิบัติตา

               บทบาทที่เหมาะสมต่อหน้าที่   ทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์   ทักษะการฟังและการ      ตีความข้อมูล  ทักษะการ
   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17