Page 81 - หนังสือเรียนสาระความรู้พื้นฐาน
P. 81

74



                         3.  อาการหายใจขัดหรือหายใจไมทั่วทอง

                         4.  อาการเวียนศีรษะ/ปวดศีรษะ
                         5.  อาการคลื่นไส

                         6.  อาการหนามืด

                         7.  ชีพจรเตนเร็วกวา 140 ครั้งตอนาที (ในผูสูงอายุ) หรือ 160 ครั้งตอนาที (สําหรับหนุมสาว)
                         จําไววาหากมีอาการอยางใดอยางหนึ่งเกิดขึ้น ตองหยุดออกกําลังกายทันที แลวนั่งพักหรือนอนพักจน

                  หายเหนื่อย และไมควรออกกําลังกายตอไปอีกจนกวาจะไดไปพบแพทย หรือจนกวารางกายจะมีสภาพแข็งแรง

                  ตามปกติ
                  รูปแบบการออกกําลังกายเพื่อสุขภาพ

                         1. การเดิน  เปนการออกกําลังกายที่งายและสะดวกที่สุด แตใหประโยชนและสรางเสริมสมรรถภาพ

                  ทางกายไมแพการออกกําลังกายและการเลนกีฬาชนิดอื่นๆ การเดินสามารถทําไดทุกเวลาและสถานที่ วิธีการ

                  เดินที่ควรรูและปฏิบัติตามมีดังนี้

                             1.1. ควรเริ่มจากทายืนกอน ปลอยตัวตามสบาย และหายใจปกติ
                             1.2. ขณะเดินใหเงยหนาและมองตรงไปใหไกลที่สุด เพราะหากเดินกมหนาจะทําใหปวดคอและ

                  ปวดหลังได

                             1.3. เดินใหเต็มเทาโดยเหยียบใหเต็มฝาเทาแลวยกเทาขึ้น ใหหัวแมเทายกขึ้นจากพื้นเปนสวน
                  สุดทาย

                             1.4. ในการเดินควรเริ่มตนจากเดินชาๆ กอนประมาณ 5 นาที แลวจึงคอยๆ เพิ่มความเร็วจนหัวใจ เตน

                  ถึงอัตราสูงสุดของมาตรฐาน คือ 200 ครั้ง/นาที สําหรับผูที่เริ่มออกกําลังกายอาจเริ่มเดินครั้งละ 10 นาที หรือ
                  จนกวาจะรูสึกหอบเหนื่อยเล็กนอย เวนไป 1 – 2 วัน แลวคอยๆ เพิ่มเวลาเดินแตละครั้งจนสามารถเดิน

                  ติดตอกันไดอยางนอย 30 นาที โดยเดินสัปดาหละ 3 – 5 ครั้ง

                             1.5. ขณะเดินมือทั้ง 2 ขาง ควรปลอยตามสบายและเหวี่ยงแขนไปทั้งแขนเพื่อเพิ่มแรงสง ถาหาก

                  เดินแลวหัวใจยังเตนไมเร็วพอ ใหเพิ่มความเร็วในการเดินหรือแกวงแขนขาใหแรงขึ้น ซึ่งจะชวยเพิ่มอัตรา
                  การเตนของหัวใจใหเร็วขึ้นได

                             1.6. รองเทาใชใสเดินควรเปนรองเทาที่มีพื้นกันกระแทกที่สนเทาและหัวแมเทา สามารถรองรับ

                  น้ําหนักไดเปนอยางดีเพื่อปองกันการบาดเจ็บที่เทา
                         2. การวิ่ง การวิ่งเปนการออกกําลังกายที่คนนิยมกันมากซึ่งงายและสะดวกพอๆ กับการเดิน แตการ

                  วิ่งมีใหเลือกหลายแบบ การที่จะเลือกวิ่งแบบใดนั้นขึ้นอยูกับความสะดวกและความชอบสวนตัวของแตละ

                  บุคคล เชน การวิ่งเหยาะๆ การวิ่งเร็ว การวิ่งมาราธอน การวิ่งอยูกับที่ หรือการวิ่งบนสายพานตามสถานที่ออก

                  กําลังกายทั่วไป การวิ่งตอครั้งควรมีระยะทาง 2 – 5 กิโลเมตร และสัปดาหหนึ่งไมเกิน 5 ครั้ง ซึ่งมีเทคนิค
                  งายๆ ดังนี้
   76   77   78   79   80   81   82   83   84   85   86