Page 384 - วารสารกฎหมาย ศาลอุทธรณ์คดีชํานัญพิเศษ
P. 384
วารสารกฎหมาย ศาลอุทธรณ์คดีชำานัญพิเศษ
สิทธิมนุษยชน (Human Rights Council) จึงตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง (Fact-Finding
Commission) ซึ่งทําหน้าที่คล้ายกับคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง (Commission of Inquiry)
ี
ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ แต่จะเป็นกลไกท่ตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนโดยตรง และ
ได้จัดทํารายงานขึ้นมาฉบับหนึ่งระบุข้อกล่าวหาต่อประเทศพม่า โดยรายงานฉบับดังกล่าวยังมี
ี
ื
การกล่าวถึงเร่องแรงงานเกณฑ์ (Forced Labour) ด้วย หลังจากท่รายงานฉบับน้ถูกเผยแพร่
ี
ออกไป จึงมีการนําเข้าสู่เวทีในระดับสหประชาชาติอย่างกว้างขวาง จนกระท่งล่าสุด แม้จะยัง
ั
ไม่มีมติท่มีสภาพบังคับจากคณะมนตรีความม่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่ก็มีวิธีการบีบบังคับ
ั
ี
ประเทศพม่าโดยการจัดตั้งกลไกในการเก็บข้อมูลโดยเฉพาะเจาะจง (Investigative Mechanism)
เพื่อที่จะดําเนินคดีแก่ผู้ที่จะต้องรับผิดโดยตรงในอนาคต
ผลของการปฏิบัติต่อชาวโรฮิงญาของประเทศพม่ายังคงนําไปสู่ความรับผิดชอบใน
ทางระหว่างประเทศอีก 2 ประการ ประการแรก ประเทศพม่าเป็นภาคีของอนุสัญญาว่าด้วย
การป้องกันและลงโทษอาชญากรรมจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Convention on the Prevention
and Punishment of the Crime of Genocide, 1948) ซึ่งเปิดโอกาสให้รัฐภาคีฟ้องร้องรัฐภาคี
ด้วยกันเองว่า รัฐภาคีหนึ่งละเมิดพันธกรณีตามอนุสัญญาดังกล่าวอย่างร้ายแรงได้ อันจะก่อให้
เกิดความรับผิดของรัฐ (State Responsibility) ด้วยเหตุนี้ ประเทศแกมเบีย ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐภาคี
ของอนุสัญญาดังกล่าวจึงฟ้องประเทศพม่าต่อศาลโลก คดีน้ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ
ี
ศาลโลก และประการที่สอง สืบเนื่องจากที่มีการหลั่งไหลของผู้อพยพชาวโรฮิงญาจากรัฐยะไข่
ของประเทศพม่าไปยังประเทศข้างเคียงหลายประเทศ ซึ่งบางประเทศเป็นรัฐภาคีของธรรมนูญ
กรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (Rome Statute of the International Criminal Court)
็
ิ
่
่
ู
้
ึ
ึ
จงมประเดนขนสการพจารณาของศาลอาญาระหวางประเทศ (International Criminal Court: ICC)
ี
ซ่งเป็นศาลท่มีอํานาจพิจารณาวินิจฉัยคดีเก่ยวกับความรับผิดทางอาญาของปัจเจกชน (Individual
ี
ึ
ี
Criminal Responsibility) ว่าผู้นําของประเทศพม่ากระทําความผิดทางอาญาฐานเนรเทศหรือ
ี
ขับไล่ (Deportation) ซึ่งเป็นความผิดทางอาญาประการหน่งท่อยู่ในอํานาจการพิจารณาศาลอาญา
ึ
ระหว่างประเทศ ซึ่งแม้ประเทศพม่าจะไม่ได้เป็นรัฐภาคีของธรรมนูญกรุงโรมดังกล่าวก็ตาม แต่
เมื่อความผิดฐานเนรเทศหรือขับไล่บุคคลออกจากประเทศ (Deportation) นั้น เป็นอาชญากรรม
่
่
ึ
ี
ั
ื
ิ
ข้ามประเทศ (Cross-Broader Crime) มใช่ Stagnant Crime การท่มีประเทศอนซงได้รบ
ี
ี
ผลกระทบจากการท่ชาวโรฮิงญาล้ภัยเข้ามาในประเทศ และเป็นภาคีของธรรมนูญกรุงโรม
ดังกล่าวด้วย จึงมีจุดเกาะเก่ยวเพียงพอท่ศาลอาญาระหว่างประเทศจะรับคดีดังกล่าวไว้พิจารณา
ี
ี
วินิจฉัยชี้ขาดต่อไปได้
382