Page 14 - ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ
P. 14

ประเด็นขอพิพาทโดยตรง  เชน  ขอความที่เปนประเด็นวาจะเปนหมิ่นประมาทหรือไม  ผูพิพากษา

               จักตองบันทึกไวคําตอคํา
                              อนึ่ง  ในกรณีที่พยานเบิกความในประเด็นขอพิพาทโดยตรง โดยใชถอยคําในภาษา
               ทองถิ่น ดังเชน  พยานเบิกความวา  “ที่ดินติดกับสายหนาม”   ผูพิพากษาพึงบันทึกไวในวงเล็บดวยวา

               (“สายหนาม”  เปนภาษาทองถิ่นหมายถึงลวดหนาม)  เพื่อใหผูอานสํานวนคดีโดยเฉพาะอยางยิ่งผู
               พิพากษาศาลสูงไดทราบความหมายอันแทจริงของคํานี้

                              (๒)  บางกรณีผูพิพากษานาจะบันทึกคําเบิกความให  แตก็มิไดบันทึกเพราะเห็นวาเปน
               เรื่องนอกประเด็น เรื่องนี้นาจะตองพิเคราะหใหถี่ถวน  โดยเฉพาะในการเบิกความตอบคําถามคาน
               บางครั้งทนายความอาจถามคานเพื่อจับเท็จพยาน หรือทําลายน้ําหนักความนาเชื่อถือของพยาน

               หรือเพื่อหักลางคําเบิกความตอนตอบคําถามของทนายความฝายที่อางพยาน  คําถามเหลานี้อาจมอง
               ไปไดวาเปนเรื่องนอกประเด็น  แตความจริงเปนคําถามที่คูความฝายตรงขามมีสิทธิถามได และ

               ผูพิพากษาสมควรจะบันทึกไวประกอบการชั่งน้ําหนักคําพยานของศาลดวย
                              ตัวอยางเชน  ในคดีเรื่องหนึ่ง  ผูรับมอบอํานาจจากโจทกมาเปนพยานเบิกความ
               ประหนึ่งวา  ตนเปนประจักษพยานในหลักฐานแหงหนี้ที่ฟองรองกัน  ซึ่งทนายจําเลยไดถามคานวา

               พยานรูเห็นดวยตนเองหรือไม  แตศาลกลับเห็นวาพยานเปนผูรับมอบอํานาจยอมจะรูอยูแลววา
               เปนผูรูเองเห็นเองหรือไม  จึงไมยอมบันทึกให  ซึ่งจะเห็นไดวา  เหตุที่ทนายจําเลยถามเชนนั้นก็เพื่อ

               แสดงใหเห็นวาพยานปากนี้เปนพยานบอกเลาเทานั้น  ซึ่งศาลสมควรบันทึกไวให
                              นอกจากนี้ยังมีคําถามที่มิใชคําถามในประเด็นที่พิพาทโดยตรง  แตเปนคําถามที่นําเขาสู
               ประเด็นก็ควรบันทึกไวใหเชนเดียวกัน  การที่ผูพิพากษาจะถามทนายความผูถามวาจะถามอะไรตอไป

               หรือถามเพื่อประสงคอะไรนั้น  บางครั้งทนายความผูนั้นอาจจะเปดเผยกอนไมได  เพราะพยานอาจรูตัว
               ทําใหรูปคดีของตนเสียไป  กรณีเชนนี้ยอมอยูในดุลพินิจของผูพิพากษาที่จะบันทึกคําเบิกความนั้นไวให

               หรืออาจบันทึกในภายหลังเมื่อทราบจุดประสงคของผูถามแลว
                              (๓)  มีบางกรณีที่ผูพิพากษาเห็นวา  คําเบิกความนั้นไมเกี่ยวกับประเด็นแหงคดี
               โดยตรง  แตก็อาจบันทึกใหโดยบันทึกไวดวยวาที่บันทึกดังนั้นก็เพราะคูความขอหรือในกรณีที่ศาล

               เห็นวาคําถามนั้นไมเกี่ยวกับประเด็นโดยแทก็ใหคูความทําคําคัดคานติดสํานวนไว


               บทบัญญัติ

                              ขอ  ๑๑  ในการปรึกษาคดี ผูพิพากษาเจาของสํานวนจักตองตระเตรียมคดีนั้น

               ลวงหนาอยางถี่ถวน และจักตองชี้แจงขอเท็จจริงและขอกฎหมายตอองคคณะอยางถูกตองครบถวน
                              ผูพิพากษาที่เปนองคคณะจักตองรวมพิจารณาใหขอคิดเห็นและเหตุผลประกอบ

               เสมือนหนึ่งตนเปนเจาของสํานวนคดีเรื่องนั้นเอง ผูพิพากษาที่รวมกันพิจารณาคดีพึงเคารพในความ
               คิดเห็นและเหตุผลของกันและกัน ทั้งนี้เพื่อใหไดคําวินิจฉัยชี้ขาดที่ถูกตองและเที่ยงธรรม
   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19