Page 18 - ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ
P. 18
คําอธิบาย
(๑) ละวางอคติทั้งปวง :
(ก) ดูคําอธิบาย (๑) ในจริยธรรมขอ ๑ และขอ ๓ ประกอบ
(ข) เปนที่นาสังเกตวาเรื่องอคตินี้ในระบบการศาลของนานาประเทศก็ถือวาเปน
เรื่องสําคัญที่ผูพิพากษาจักตองสังวรในการพิจารณาพิพากษาคดี ดังเชนที่ปรากฏในคําถวายสัตย
สาบานตนของผูพิพากษาอังกฤษ ขณะเขารับตําแหนงผูพิพากษา (The Judicial Oath) วา :
“ ขาพระองคขอถวายสัตยสาบานตอพระผูเปนเจาผูทรงศักดานุภาพใหญยิ่งวา
ขาพระองคจักใหความชอบธรรมแกผูคนทุกหมูเหลาตามกฎหมายและประเพณีแหงราชอาณาจักรนี้
โดยปราศจากความกลัว หรือความลําเอียง ความรัก หรือความมุงราย”
(I do swear by Almighty God that…I will do right to all manner
of people after the laws and usages of this Realm without fear or favour,
affection or ill-will.)
วลีที่วา “ปราศจากความกลัว หรือความลําเอียง ความรัก หรือความมุงราย” นั้น
ใกลเคียงกับอคติสี่ประการในพระพุทธศาสนาอยางยิ่ง
(ค) อคติที่เปนอุปสรรคสําคัญประการหนึ่งในดานการพิพากษาคดีคือ “ภยาคติ”
หรือ ความกลัว มีปญหาที่นาพิจารณาคือการตัดสินประหารชีวิตจําเลยที่กระทําผิดมีโทษถึง
ประหารชีวิตนั้น ผูพิพากษาผูตัดสินจะตองรับบาปกรรมเพราะการตัดสินประหารชีวิตหรือไม
ในประเด็นขอนี้มีผูถามทานพุทธทาสภิกขุในการอบรมผูชวยผูพิพากษา รุนที่ ๑
เมื่อพ.ศ. ๒๔๙๙ ทานพุทธทาสภิกขุตอบวา ในทางพุทธศาสนานั้นทุกคนอยูภายใตกฎแหงกรรม
อันเดียวกัน ผูใดทํากรรมอันใดไว ดีหรือชั่ว ยอมเปนไปตามกรรมนั้น ผูพิพากษาอยูในฐานะผูชี้กรรม
เทานั้น ยอมไมตองรับบาปกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น แตทั้งนี้การชี้กรรมนั้นตองเปนไปโดยถูกตองดวย
ถาชี้ผิด ผูพิพากษาก็ยอมไดรับผลกรรมในการชี้กรรมผิดนั้นดวย
ในประเด็นขอเดียวกันนี้ ทานพุทธทาสภิกขุกลาวย้ําอีกคํารบหนึ่งในตอนทายการ
บรรยายตามหลักสูตรอบรมผูชวยผูพิพากษา รุนที่ ๑ วา :
“อาตมาอยากจะปรับความเขาใจอีกครั้งหนึ่ง ก็คือ เรื่องที่เกี่ยวกับเจตนาของตุลาการ
เจตนาที่จะพิพากษาหรือจะสั่งบังคับคดีตาง ๆ นั้นเปนของสําคัญที่จะตองตั้งไวในฐานะเปนของบริสุทธิ์
ที่เคยมีผูถามปญหาถึงขอที่วา คําพิพากษาสั่งฆาคน หรือทําใหคนตกทุกขลําบากนั้นจะมีสวนที่
เปนวิบากกรรมอันจะสนองแกผูเปนตุลาการดวยหรือหาไม ขอนี้อาตมาก็ไดเคยตอบไปบางแลว
และยังอยากจะขอย้ําอีกครั้งหนึ่งวาตองถือเอา “เจตนาเปนตัวกรรม” หรือเปนใหญ เจตนานั้น
หมายถึง ความรูสึกคิดนึกหรือความตองการตามความประสงคในการที่จะทําสิ่งใด ๆ ลงไป ในที่นี้
หมายถึง การที่จะพิพากษาอรรถคดี และสั่งบังคับคดีลงไป เราตองประคับประคองเจตนาของเรา
ใหตั้งอยูในฐานะเปนเจตนาของปูชนียบุคคลแหงโลกใหเสมอไปเหมือนดังที่ไดอธิบายมาแลวขางตน
ถาเราเปนผูบูชาอุดมคติ ตั้งอยูในอุดมคติจริง ๆ แลว ไมตองกลัวเจตนานั้นยอมจะบริสุทธิ์ผุดผองเอง
และจะเปนการทําไปดวยมุงรักษาอุดมคติของผูรักษาความเปนธรรม หรือผูคุมครองธรรมอยูในโลกนี้
การที่จําเลยจะตองเปนไปตามกรรม หรือตามบทบัญญัติที่อาศัยกฎเกณฑแหงความยุติธรรม