Page 23 - ประมวลจริยธรรมข้าราชการตุลาการ
P. 23

ใหเปนไปโดยถูกตอง  มาตรา  ๑๑  และมาตรา  ๑๔  บัญญัติใหประธานศาลฎีกา  ประธานศาลอุทธรณ

               ประธานศาลอุทธรณภาค  อธิบดีผูพิพากษาศาลชั้นตน  อธิบดีผูพิพากษาภาค  และผูพิพากษา
               หัวหนาศาล  ตองรับผิดชอบในราชการของศาลใหเปนไปโดยเรียบรอย
                              ผูพิพากษาที่พิจารณาคดียอมมีหนาที่ควบคุมพนักงานศาลเกี่ยวกับงานธุรการ

               ของคดีนั้น ๆ เชน การรับและสงคําคูความและการออกหมายของศาล นอกจากนั้นผูพิพากษา
               อาจไดรับมอบหมายจากผูบังคับบัญชาใหดูแลรับผิดชอบในงานอยางใดอยางหนึ่ง  เชน  การปลดทําลาย

               สํานวนความและการควบคุมบัญชีการเงินของศาล  แตทั้งนี้ยอมตองอยูภายใตการบังคับบัญชา
               ของผูพิพากษาหัวหนาศาลนั้น ๆ  อีกชั้นหนึ่ง
                              (๒)  การปฏิบัติหนาที่ทางธุรการจะมีประสิทธิภาพเพียงไร ยอมขึ้นอยูกับปจจัย

               สามประการ คือ ประการแรก ตัวผูปฏิบัติราชการดี ประการที่สอง ระบบงานดี และประการที่สาม
               สถานการณที่เกี่ยวของดี  สําหรับตัวผูปฏิบัติราชการและระบบงานจะดีเพียงใดนั้น ยอมขึ้นอยูกับ

               ความสามารถและความตั้งใจจริงของผูรับผิดชอบ สวนเรื่องสถานการณที่เกี่ยวของนั้นบางเรื่อง
               อาจจะเปนเรื่องนอกเหนืออํานาจที่ผูพิพากษาผูเปนหัวหนางานจะแกไขไดตามลําพัง เชน สภาพ
               ของอาคารศาลเกาชํารุด และไมมีงบประมาณซอมแซม เปนตน จะทําไดก็เพียงแตรายงาน

               และเสนอแนะใหผูบังคับบัญชาชั้นเหนือขึ้นไปเรงรีบหาทางแกไขขอบกพรองเทานั้น
                              เฉพาะในดานตัวผูพิพากษาผูปฏิบัติหนาที่ฝายธุรการนี้ จักตองตั้งปณิธานใหแนวแน

               วาตนจักปฏิบัติหนาที่ดวยความซื่อสัตยสุจริต  (ตามความหมายในคําอธิบาย (๒) ในจริยธรรมขอ ๑)
               และอยางเต็มความสามารถโดยเฉพาะอยางยิ่งในงานสี่ดานดวยกันคือ (ก) งานประจํา (ข) งานที่มีปญหา
               เฉพาะหนา  (ค)  งานริเริ่มปรับปรุงระบบงานและการทํางานของตนเองและผูอยูใตบังคับบัญชา

               ใหดีขึ้นเปนลําดับ และ (ง) งานดานการประสานงานกับหนวยราชการอื่น
                              ในทางปฏิบัติปรากฏอยูเสมอวา  ผูปฏิบัติหนาที่ราชการมักจะมุงปฏิบัติเฉพาะงาน

               ประจําและงานที่มีปญหาเฉพาะหนา  เพียงแตวาใหงานนั้นเสร็จไปวันหนึ่ง ๆ เทานั้น และมิได
               เหลียวแลดานงานริเริ่มปรับปรุงระบบงานและการทํางานของแตละบุคคลใหดีขึ้น ทั้งมิได
               ใหความสําคัญแกงานดานการประสานงานกับหนวยราชการอื่นเลย และที่นาหนักใจกวานั้นก็คือ

               ผูพิพากษาที่เปนผูบังคับบัญชาบางคนไมเอาใจใสงานธุรการของศาลเสียเลย มุงแตจะทํางาน
               ดานอรรถคดีแตเพียงดานเดียว และปลอยใหงานธุรการอยูในความรับผิดชอบของผูอํานวยการสํานักงาน

               ประจําศาลหรือผูอํานวยการสํานักอํานวยการประจําศาล  เทานั้น
                              อนึ่ง  การที่จะทํางานใหมีประสิทธิภาพนั้น  ผูบังคับบัญชาตองรอบรูในโครงสรางและ
               รายละเอียดตลอดจนขั้นตอนของงานธุรการนั้นดวย ดังเชนการเงินของศาลมีการจัดทําบัญชี

               และการตรวจสอบอยางไร เปนตน
                              (๓)  ควบคุมใหผูอยูใตบังคับบัญชาปฏิบัติหนาที่ดวยความซื่อสัตยสุจริต และอยาง

               เต็มความสามารถเชนเดียวกัน  :  ในเบื้องตนผูพิพากษาที่เปนผูบังคับบัญชาตองกลอมเกลาจิตใจ
               ผูอยูใตบังคับบัญชาใหมีปณิธานตรงกันกับตนเองกอนคือ จักปฏิบัติหนาที่ดวยความซื่อสัตยสุจริต
               และอยางเต็มความสามารถ ซึ่งบางกรณีก็งาย เพราะผูอยูใตบังคับบัญชาเคยปฏิบัติมาหรือพรอมที่จะ

               ปฏิบัติอยูแลว  แตบางกรณีก็ยาก เพราะผูอยูใตบังคับบัญชาเปนบุคคลประเภทที่วา งานหนัก
               ไมเอางานเบาไมสู  เกี่ยงหรือเลี่ยงงานไดเปนตองทํา  และคิดอยูแตวาทําไปทําไม  ทําไปก็ไมเห็นจะไดอะไร
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28