Page 30 - การจัดการความขัดแย้ง
P. 30
๒๑
๘. ความสัมพันธที่ไมแข็งแรงอาจถดถอยจากความขัดแยง และในความสัมพันธ
ที่เขมแข็งบอยครั้งที่แสดงถึงความขัดแยง
๙. ความขัดแยงกับกลุมภายนอกจะทําใหเกิด ความกลมเกลียว การรวมอํานาจ
การเคลื่อนยายทรัพยากร
๑๐. ความขัดแยงกับกลุมภายนอกยิ่งเพิ่มมากขึ้น ความอดทนตอพฤติกรรมเบี่ยงเบน
ภายในจะลดลง
๑๑. ความตองการที่จะมีความสามัคคีภายในกลุม บอยครั้งจะนํากลุมไปขัดแยง
กับกลุมอื่น
๑๒. การแสดงสัญลักษณของกลุมยิ่งมากเทาใดความเปนศัตรูกับกลุมอื่นยอมเพิ่มมากขึ้น
๑๓. ความขัดแยงระหวางฝายตางๆ จะนําไปสูการขยายความสัมพันธ การสรางบรรทัดฐาน
อยางใหมและยืนยันบรรทัดฐานเดิม รวมถึงการเพิ่มการมีสวนรวมของสมาชิกในสังคม
๑๔. ความขัดแยงระหวางกลุมบางครั้งเปนการกระทําที่ปรารถนาใหอีกกลุมรวมตัวกัน
๑๕. ความขัดแยงเปนการทดสอบอํานาจ
๑๖. ความขัดแยงนําไปสูกระบวนการรวมตัวกัน และแสวงหาพันธมิตร
¸ÃÃÁªÒμԢͧ¤ÇÒÁ¢Ñ´áÂŒ§
จุดกําเนิดที่แทจริงของความขัดแยงนั้น เกิดจากความไดไมเพียงพอ หรือความขาดแคลน
ทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกกําหนดโดยสังคม ความไมพอใจและขอเท็จจริงตางๆ ที่เกี่ยวกับความขาดแคลน
สิ่งที่ไมเปนไปตามธรรมชาติ เปนสิ่งที่หลีกเลี่ยงไมไดที่จะนําไปสูการแขงขันเพื่อจะไดมาซึ่งทรัพยากร
ที่ตองการในกระบวนการของการแขงขันนั้น โดยทั่วไปแลว ความขัดแยงจะเกิดขึ้นจากลักษณะสําคัญ
๓ ประการคือ
๑. การขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งทรัพยากรในที่นี้ไมไดหมายถึงแตเพียงวัตถุดิบ
ที่ใชในการผลิตแตเพียงอยางเดียว ยังหมายรวมถึงสิ่งที่สามารถมองเห็นได และมองเห็นไมได เชน
ทรัพยากร บุคคล เงิน วัสดุ ตําแหนงหนาที่ เกียรติยศ และสถานภาพที่ดํารงอยู
๒. ความขัดแยงอาจจะเกิดขึ้นเมื่อบุคคลหรือกลุมคนแสวงหาทางที่จะควบคุมกิจการงาน
หรืออํานาจ ซึ่งเปนสมบัติของคนอื่น หรือกลุมอื่น ความขัดแยงนี้เปนผลมาจากการกาวกายในงานหรือ
อํานาจหนาที่ของบุคคลอื่น
๓. ความขัดแยงอาจเกิดขึ้นเมื่อบุคคลหรือกลุมบุคคล ไมสามารถที่จะตกลงกันได
เกี่ยวกับเปาหมาย หรือวิธีการในการทํางาน ตางคนตางก็มีเปาหมาย วิธีการ และสไตลในการทํางาน
ที่แตกตางกันออกไป ซึ่งเปาหมายและวิธีการดังกลาวนี้เปนสิ่งที่ไปดวยกันไมได