Page 75 - การจัดการความขัดแย้ง
P. 75

๖๖




              คูขัดแยงไปพบปะกับผูไกลเกลี่ยซึ่งเปนมิตรที่ดีของทั้งสองฝาย อะไรก็ตามที่ไมสะดวกจะพูดหรือทํา
              เพราะมีความโกรธและระแวงกัน ลวนสามารถทําไดทั้งนั้นหากมีมิตรภาพตอกัน

                                 ตํารวจจะตองสรางความเปนมิตรกับคูเจรจา รวมถึงทําใหคูเจรจามีความเปนมิตร
              ระหวางกัน ซึ่งจะสงผลใหการเจรจาไกลเกลี่ยเปนไปอยางงายดาย

                             ó. ¤ÇÒÁËÇÁÁ×Í
                                 ทันทีที่คูขัดแยงยอมรับขอเสนอใหมีการไกลเกลี่ย แมวาภายนอกเขาจะยังคง

              ทะเลาะหรือปะทะกันตอ เขาก็เริ่มตนที่จะใหความรวมมือ เขายอมรับที่จะติดตอกันโดยออม (ผาน
              ผูไกลเกลี่ย) ยิ่งทั้งสองฝายเปดเผยความรูสึกนึกคิดและแผนการของตนใหผูไกลเกลี่ยรับรูมากเทาไร

              ความรวมมือระหวางคนทั้งสองก็ยิ่งเพิ่มพูนมากเทานั้น
                                 ตํารวจจะตองสรางความรวมมือของคูเจรจา โดยใหตางฝายตางเห็นอกเห็นใจ

              ในความเดือดรอนของกันและกัน เชน ความเสียหายของรถยนตที่เกิดขึ้น หรือความสูญเสียตอทรัพยสิน
              ที่เกิดขึ้นนั่นเอง
                         ò.  ·íÒ¤ÇÒÁࢌÒã¨Ê¶Ò¹¡Òó¤ÇÒÁ¢Ñ´áÂŒ§

                             ñ. ÍÒÃÁ³¤ÇÒÁÃÙŒÊÖ¡
                                 เมื่อความขัดแยงปรากฏตัวขึ้น มักสงผลใหเกิดแรงกดดันในตัวเองและเก็บกดอารมณ

              เอาไว ครั้นเมื่อแสดงอารมณออกมา ก็มักจะมาพรอมกับความโกรธและความขุนเคืองซึ่งอารมณที่ถูก
              เก็บกดนี้จะมีผลตอพฤติกรรมและการตัดสินใจของคูขัดแยง และบอยครั้งเมื่อความขัดแยงถูกพัฒนาไป

              สูอารมณความโกรธเกลียด เริ่มมีการกระทบกระทั่งโตตอบกันและปฏิเสธฝายตรงขาม  สิ่งที่ตามมาคือ
              การปองกันตนเองและความขุนเคืองของทั้งสองฝาย ชั่วขณะนี้ประเด็นซึ่งเปนสาเหตุแรกเริ่มของ

              ความขัดแยงจะถูกหลงลืมไป สิ่งที่กลายเปนปญหาเขามาแทนที่คือพฤติกรรมที่คูกรณีกระทําตอกัน
              หลังจากนั้น ดังนั้นผูไกลเกลี่ยจําเปนตองรูสิ่งนี้ดวย

                                 ๑.  แตละฝายมีความรูสึกอยางไรกับตนเองในความขัดแยง
                                 ๒.  แตละฝายมีความรูสึกอยางไรกับอีกฝายในความขัดแยง

                                 ๓.  แตละฝายคิดวาอีกฝายเขาใจความรูสึกของตนเองมากนอยแคไหน
                                 เจาหนาที่ตํารวจจะตองประเมินอารมณความรูสึกของคูพิพาท วามีอารมณอยางไร

              ไมวาจะเปน โกรธ เกลียด กลัว เห็นใจ เพื่อจะไดเตรียมแนวทางในการแกไขสถานการณไดอยางถูกตอง
              ทั้งนี้ ตํารวจจะตองไมจัดการกับปญหาภายใตอารมณที่พลุกพลานของคูพิพาท เชน คูกรณียังมีอารมณ

              โกรธอยางรุนแรงอยู หรือคูกรณียังมีอาการกลัวหลังเกิดปญหาอยู เปนตน
                                 »ÃÐà´ç¹·Õè¼ÙŒä¡Å‹à¡ÅÕè¾Öè§ãÊ‹ã¨
                                 เมื่อฟงจากทุกฝายแลว เราเห็นวามีความรูสึกเจ็บปวดอันใดบางที่จําเปนตองให

              คูกรณีรับรู และจะคลี่คลายอารมณที่เกิดขึ้นนี้อยางไร ?
   70   71   72   73   74   75   76   77   78   79   80