Page 19 - Learning Points from HROD TALK
P. 19

Learning Points from HROD TALK   14



                                                             สัมพันธ์ควบคู่กันไป เหมำะส ำหรับ R2 เมื่อลูกน้องมี
                                                             ควำมพร้อมค่อนข้ำงต่ ำ คือ ไม่เก่งแต่เต็มใจหรือมี

                                                             ควำมเชื่อมั่นในตนเอง
                                                                     • S3: มีส่วนร่วม (Participating)
                                                                     เน้นกำรแลกเปลี่ยนควำมคิด และร่วมคิดร่วม
                                                               ตัดสินใจเกี่ยวกับทิศทำงของกำรท ำงำนโดยใช้สไตล์

               โดยจ ำแนกลักษณะของผู้ตำมตำมควำมพร้อม ดังนี้   ผู้น ำแบบไม่มุ่งงำนแต่มุ่งสัมพันธ์สูง เหมำะส ำหรับ R3
                      • ผู้ตำมแบบที่ 1 (Readiness1: R1)  Unable  เมื่อลูกน้องมีควำมพร้อมค่อนข้ำงสูง คือเก่งแต่ไม่เต็ม
               / Unwilling ผลงำนงำนที่ท ำไม่ได้มำตรฐำน,  ใจหรือขำดควำมเชื่อมั่นในตนเอง

               หลีกเลี่ยงโยนงำนให้คนอื่น                             • S4: มอบหมำยงำน (Delegating)
                      •  ผู้ตำมแบบที่ 2 (Readiness2: R2) Unable      ปล่อยให้กลุ่มตัดสินใจและรับผิดชอบในเรื่อง
               / Willing ใหม่ต่องำน ไม่มีประสบกำรณ์, ตั้งใจ   งำน โดยใช้สไตล์ผู้น ำแบบไม่มุ่งงำน และไม่มุ่งสัมพันธ์
                      • ผู้ตำมแบบที่ 3 (Readiness3: R3) Able /  เหมำะกับสถำนกำรณ์ที่ลูกน้องมีควำมพร้อมสูงมำก
               Unwilling เคยมีควำมช ำนำญ แต่ระยะนี้ผลกำร คือเก่งและเต็มใจ หรือมีควำมเชื่อมั่นในตนเองสูง

               ท ำงำนถดถอย, ต้องกำรกำรให้ก ำลังใจ
                      • ผู้ตำมแบบที่ 4 (Readiness4: R4) Able /
               Willing สำมำรถคิดและท ำงำนได้เอง, ใส่ใจและสนุกกับ

               งำน









                       แต่ในอีกสถำนกำรณ์หนึ่งผู้น ำที่กระจำยอ ำนำจ
               ท ำงำนเป็นทีม และมีควำมรอบคอบอำจจะเหมำะสมกว่ำ

               เมื่อไม่มีรูปแบบผู้น ำที่ดีที่สุด ดังนั้นแล้วผู้น ำควรที่จะ
               รู้จักปรับสไตล์กำรท ำงำนให้เข้ำกับสถำนกำรณ์ ได้
               จ ำแนกลักษณะของผู้น ำตำมสถำนกำรณ์ (Situation)         ลูกน้องคนเดิมอำจจะมีควำมสำมำรถในอีก
               ไว้ดังนี้                                     งำน อำจจะไม่มีควำมรู้ในอีกงำนก็เป็นได้ และมักจะมี

                                                             ควำมเปลี่ยนแปลงในด้ำนควำมพร้อมไปตำมเวลำ
                       • S1: กำรบอกกล่ำว (Telling)           ดังนั้น หัวหน้ำจะต้องมีกำรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้น ำ
                       เป็นผู้น ำที่ก ำหนดบทบำทให้กับทุกคนว่ำต้อง  ให้เหมำะสมกับสถำนกำรณ์ที่เปลี่ยนไป เช่นเดียวกับที่
               ท ำอะไร ที่ไหน อย่ำงไร โดยใช้กำรสื่อสำรแบบทำง  กำรขับรถยนต์ต้องมีกำรเปลี่ยนเกียร์

               เดียว เหมำะกับสถำนกำรณ์ที่ลูกน้องต้องกำรข้อมูล
               จ ำนวนมำก ไม่มีควำมรู้ว่ำจะต้องท ำงำนอย่ำงไร มี  ทฤษฎีภำวะผู้น ำเชิงกำรเปลี่ยนแปลง
               ควำมสำมำรถต่ ำ มีควำมมุ่งมั่นต่ ำ             (Transformational Leadership Theories)
                       • S2: กำรขำยควำมคิด (Selling)

                       อธิบำยทิศทำงกำรท ำงำน สนับสนุนชักชวน          เป็นทฤษฎีภำวะผู้น ำที่สำมำรถใช้ในกำร
               ให้คล้อยตำม โดยใช้สไตล์ผู้น ำแบบทั้งมุ่งงำนและมุ่ง  อธิบำยกระบวนกำรอิทธิพลได้อย่ำงกว้ำงขวำง ตั้งแต่
   14   15   16   17   18   19   20   21   22   23   24