Page 28 - BookHISTORYFULL.indb
P. 28
๕. กำรด�ำเนินงำนพัฒนำกำรเรียนกำรสอนประวัติศำสตร์ เป็นไปตำมหลักกำร
เรียนรู้ทำงสังคมศึกษำ
หลักการเรียนรู้ทางสังคมศึกษา ที่น�ามาใช้ได้แก่ การเรียนรู้ควรเริ่มจาก
ิ
ื
ี
ิ
ี
ิ
ี
เร่องใกล้ตัวไปหาส่งท่ไกลตัว จากส่งท่เป็นรูปธรรมก่อนส่งท่เป็นนามธรรม การเรียนการสอน
โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ หมายความว่าใช้ฐานข้อมูลของนักเรียนและ
บริบททางสังคมของนักเรียนเป็นฐานในการออกแบบการจัดการเรียนรู้ โดยมีกรอบของ
หลักสูตรเป็นแนวทางในการพัฒนาของแต่ละชั้นปี
ในการน้ ศาสตราจารย์ ดร. เอกวิทย์ ณ ถลาง ได้เสนอแนะไว้ในการสัมมนา
ี
เรื่องทิศทางการพัฒนาสื่อการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ไทย มีสาระสรุปว่า “การที่จะ
ให้นักเรียนมีความเข้าใจและเห็นคุณค่าของการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ ต้องค�านึงถึงระดับ
�
ความพร้อม วุฒิภาวะและประสบการณ์ของผู้เรียนเป็นองค์ประกอบสาคัญและควรให้
ื
่
ู
ี
ื
ิ
ี
ี
ู
่
ั
ั
ิ
ั
ี
นกเรยนได้เรยนร้เรองใกล้ตว ตามหลกจตวทยาการเรยนร้ โดยเรยนให้เชอมโยงกน
ั
จนกระทั่งเข้าใจโลกในส่วนรวม” (กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๓๙ : ๒๒-๒๓)
ดร.วัฒนาพร ระงับทุกข์ ได้น�าเสนอว่า “การจัดการเรียนการสอนที่เน้น
ี
ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง คือ วิธีการสาคัญท่สามารถสร้างและพัฒนา “ผู้เรียน” ให้เกิด
�
ี
คุณลักษณะต่างๆ ท่ต้องการในยุคโลกาภิวัตน์ เน่องจากเป็นการจัดการเรียนการสอน
ื
ี
ท่ให้ความสาคัญกับผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างเต็มท่” (วัฒนาพร
ี
�
ระงับทุกข์, ๒๕๔๒ : ๔)
ดร.วินัย พงศ์ศรีเพียร ได้เสนอว่า “แนวการเรียนการสอนประวัติศาสตร์
ึ
ควรเน้นหลักการของเสรีนิยม ซ่งสอดคล้องกับสภาพสังคมปัจจุบัน การสอนตามหลัก
เสรีนิยมจะช่วยพัฒนาศักยภาพความคิดริเริ่ม การใช้เหตุผลที่อยู่ในตรรกวิสัย เป้าหมาย
ของการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ควรอยู่ท่การกระตุ้นกระบวนการความคิดมากกว่า
ี
ความจ�า” (ส�านักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, ๒๕๔๒: ๔)
ั
ิ
�
�
ตามหลักการดาเนินงานดังกล่าว สานกวชาการและมาตรฐานการศึกษาจึงได้ม ี
�
ี
เจตนารมณ์สาคัญท่จะให้นักเรียนระดับประถมศึกษำได้เรียนรู้สาระสาคัญในประวัติศาสตร์
�
ิ
ี
ี
ิ
ิ
โดยนักเรียนได้เร่มเรียนรู้จากส่งท่เป็นรูปธรรม ท่มีอยู่ในท้องถ่นอันเป็นการเปิดโลก
ประวัติศาสตร์ให้แก่เด็ก ในโลกของท้องถิ่นของตนเอง โลกของชุมชนและขยายการเรียนรู้
ั
ี
ให้กว้างขวางออกไป ให้เห็นภาพของพัฒนาการของชาติไทยในภาพรวม ท้งน้เป็นการเรียนร ู้
เนื้อหาสาระเพียงสังเขปเท่านั้น เพื่อให้เหมาะสมกับวุฒิภาวะของเด็ก เป็นการ “จุดไฟใฝ่รู้”
ึ
ื
ี
ซ่งไม่ใช่อยู่ท่การยัดเยียดข้อมูลและรายละเอียดเน้อหาให้แก่เด็กท่อยู่ในวัยเล่น อยากรู้อยากเห็น
ี
และอยากส�ารวจโดยธรรมชาติ (กระทรวงศึกษาธิการ, ๒๕๔๓ : ๒๙)
26