Page 96 - Efavirenz WHO PQ: A case study of a public-private collaboration
P. 96

Efavirenz WHO PQ: กรณีศึกษาความร่วมมือรัฐ-เอกชน ในการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและควบคุมคุณภาพ   | 78





                       ต่อปีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นมา ส่วนยา GPO VirT ซึ่งเป็นสูตรต ารับยาผสม Efavirenz/Tenofovir
                       DF/Emtricitabine ซึ่งมีกระบวนผลิต ส่วน Efavirenz เหมือนกับในสูตรต ารับ Efavirenz tablets

                       600 mg เดิมน าเข้าปีละ1700 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2563 สามารถลดการน าเข้ายาได้ประมาณ 800

                       ล้านบาท ท าให้รัฐประหยัดงบประมาณในการน าเข้ายาจากต่างประเทศประมาณ  330 ล้านบาทในปี
                       พ.ศ. 2563

                                          ื่
                              นอกจากนี้ เพอเป็นการยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ยาและมาตรฐานการผลิตเป็นระดับ
                                                    ิ่
                       สากลที่ทั่วโลกยอมรับ เป็นการเพมความเชื่อมั่นในคุณภาพ ประสิทธิผล และความปลอดภัยต่อ
                       ผลิตภัณฑ์ยาของ อภ. อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน (สิงหาคม 2563) อภ. ก าลังเตรียมการขอรับการรับรอง

                       WHO PQ ส าหรับรายการยาล าดับที่สอง โดยอยู่ระหว่างการเตรียมการเพอท าการทดลองผลิตระดับ
                                                                                    ื่
                       pilot scale และเตรียมความพร้อมในส่วนของเอกสาร วัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ เครื่องมือ เครื่องจักรที่
                       ต้องใช้ในกระบวนการผลิต โดยวิธีการถ่ายทอดเทคโนโลยี

                              จะเห็นว่า ผลลัพธ์จากการถ่ายทอดเทคโนโลยี มิใช่ประโยชน์เพยงประการเดียวที่
                                                                                         ี
                       อตสาหกรรมผลิตยาชื่อสามัญในไทยได้รับ เมื่อมีร่วมมือกับอตสาหกรรมยาชื่อสามัญในประเทศก าลัง
                                                                        ุ
                        ุ
                       พฒนาด้วยกัน ดังกรณีของ องค์การเภสัชกรรม และ บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ จ ากัด แต่คือ การ
                        ั
                       รับรองคุณภาพและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค ทั้งสององค์กรเป็นผู้ผลิตยาชื่อสามัญใหม่ซึ่ง
                       ต้องการได้รับความเชื่อถือจากแพทย์ผู้สั่งจ่ายและผู้บริโภค

                              ดังนั้นผลลัพธ์จากความส าเร็จในการถ่ายทอดเทคโนโลยีทางเภสัชกรรม นอกจากการได้

                       ผลิตภัณฑ์ที่สามารถผ่านมาตรฐานระดับสากล เพอให้สามารถใช้งบประมาณจาก global fund ใน
                                                                ื่
                       การจัดซื้อยาจากอภ. ซึ่งประหยัดงบประมาณของประเทศได้แล้ว การได้รับการรับรองคุณภาพ

                       ดังกล่าวจะยกระดับความเชื่อมั่นในคุณภาพยาที่ผลิตจากอภ.ให้กับผู้บริโภค แพทย์ เภสัชกร และ

                                                                           ั
                       บุคลากรการแพทย์ในประเทศ และเป็นการวางรากฐานการพฒนาระบบการผลิต และการประกัน
                       คุณภาพให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล รวมทั้งการสร้างบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถในการเรียนรู้
                       และต่อยอดไปสู่แผนการขอรับรองผลิตภัณฑ์ตัวถัดไป




                       5.5   ความท้าทาย

                              การขอรับรอง WHO PQ ค่อนข้างเป็นมาตรฐานที่ท าได้ยากส าหรับ อภ. และใช้เวลานาน
                       ด้วยปัจจัยหลายประการ เมื่อพจารณาตามประเด็นที่น่าจะมีปัญหาในระหว่างการถ่ายทอดเทคโนโลยี
                                                ิ
                                      28
                                      ่
                       มี 4 ประเด็น ได้แก

                       28 Ali Sajid, Pandit Vinay and Shekhar Chander. Technology transfer in pharmaceuticals. International Research Journal of Pharmacy. 2012;
                       3(6)
   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100   101