Page 36 - รายงานประจำปี 2562
P. 36
“สัญญาใดจะเป็นสัญญาทางปกครองตาม “สัญญาสัมปทาน” ประเทศไทยพิจารณาจาก
ื
ื
ี
ั
ท่บัญญัติไว้ในมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดต้ง ช่อสัญญาเป็นหลัก ไม่จำาต้องพิจารณาในเน้อหาว่าจะ
ี
ื
ิ
ี
ิ
ศาลปกครองและวธพจารณาคดปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นสัญญาสัมปทานตามหลักสากลหรือไม่ ซ่งโดยเน้อหา
ึ
ได้นั้น ประการแรก คู่สัญญาอย่างน้อยฝ่ายหนึ่งต้องเป็น จะเป็นสัญญาสัมปทานหรือไม่ ไม่สำาคัญ จะเห็นว่า สัญญา
หน่วยงานทางปกครองหรือเป็นบุคคลซ่งได้รับมอบหมาย สัมปทานของไทยครอบคลุมกว้างขวางมาก เช่น ตัดไม้
ึ
ให้กระทำาการแทนรัฐ ประการท่สอง สัญญาน้นมีลักษณะ ขุดแร่ ขุดนามัน โทรศัพท์ รถโดยสารประจำาทาง รถไฟ
้
ำ
ั
ี
ี
ั
ี
เป็นสัญญาสัมปทาน สัญญาท่ให้จัดทำาบริการสาธารณะ ทางด่วน เหล่าน้เป็นสัญญาสัมปทาน ท้งท่เป็นคนละ
ี
ื
ึ
ั
หรือจัดให้มีส่งสาธารณูปโภคหรือแสวงประโยชน์จาก ประเภทกัน ซ่งเร่องสัญญาสัมปทานในประเทศฝร่งเศสได้
ิ
ทรัพยากรธรรมชาต หรือเป็นสญญาท่หน่วยงานทาง กำาหนดองค์ประกอบ ไว้ชัดเจนว่า ต้องเป็นเร่องท่หน่วยงาน
ื
ี
ิ
ี
ั
ปกครองหรือบุคคลซ่งกระทำาการแทนรัฐตกลงให้ ของรัฐมอบให้เอกชนจัดทำาบริการสาธารณะ โดยหน่วยงาน
ึ
คู่สัญญาอีกฝ่ายหน่งเข้าดำาเนินการหรือเข้าร่วมดำาเนินการ ของรัฐได้ลงทุนหรือมีวัสดุอุปกรณ์แล้ว เพียงแต่ให้
ึ
บริการสาธารณะโดยตรง หรือเป็นสัญญาท่มีข้อกำาหนด เอกชนมาช่วยบริหารจัดการโดยวิธีการเก็บค่าบริการ
ี
ื
ี
ึ
ิ
ในสัญญาซ่งมีลักษณะพิเศษท่แสดงถึงเอกสิทธ์ของรัฐ จากประชาชนเพ่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำาบริการ
ื
ี
ั
ท้งน้ เพ่อให้การใช้อำานาจทางปกครองหรือการดำาเนิน ดังกล่าว และรัฐไม่เรียกค่าตอบแทนการให้สัมปทาน
ึ
่
ิ
ุ
็
กจการทางปกครองซงกคือการบริการสาธารณะบรรลผล ดังกล่าว คือ มอบให้ทำาแทน มาช่วยรัฐทำา แต่หากเป็น
่
ี
ิ
ั
ั
ุ
ดังน้น หากสัญญาใดเป็นสัญญาท่หน่วยงานทางปกครอง ลกษณะทว่าเอกชนต้องมาลงทนเอง อย่างเช่น บรษท
ี
ั
ึ
หรือบุคคล ซ่งกระทำาการแทนรัฐมุ่งผูกพันตนกับคู่สัญญา โทรศัพท์เคลื่อนที่ เรียกเก็บค่าบริการจากประชาชนและ
ั
ั
ื
ึ
อีกฝ่ายหน่งด้วยใจสมัครบนพ้นฐานแห่งความเสมอภาค จ่ายค่าตอบแทนให้แก่หน่วยงานของรัฐน้นในฝร่งเศส
ี
ั
ั
ี
ั
ิ
และมได้มีลักษณะเช่นทกล่าวมาข้างต้น สญญาน้นย่อม ไม่เรยกว่า สญญาสมปทาน (Concession) แต่เรยกว่า
ั
ี
่
็
ื
ั
้
่
ี
้
ั
ั
เป็นสัญญาทางแพ่ง” Affermage เรองสญญาสมปทานนบางกรณีกจะซอนกบ
สัญญาแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ซ่งโดย
ึ
สวนนยามของ “สญญาทางปกครอง” ตามมาตรา ๓
่
ั
ิ
แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ มีองค์ประกอบ หลักแล้วผู้ร่างสัญญาก็จะให้ชื่อว่าเป็นสัมปทาน แต่ถึงไม่
เรียกว่า สัมปทาน ก็จะเข้าลักษณะเป็นสัญญาทางปกครอง
สำาคัญสองประการ คือ
ในรูปของการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น
ประการแรก องค์ประกอบด้านองค์กร เป็น การให้เอกชนเช่าป่าเสื่อมโทรม การให้เช่าคลื่นสัญญาณ
ี
สัญญาท่คู่สัญญาอย่างน้อยฝ่ายใดฝ่ายหน่ง เป็นหน่วยงาน วิทยุหรือให้เช่าสถานีวิทยุไปบริหาร เราก็ตีความว่าเป็น
ึ
ทางปกครอง หรือบุคคลซ่งกระทำาการแทนรัฐ โดยบุคคล เร่องเก่ยวกับการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาต ิ
ึ
ี
ื
ึ
ั
ี
ซ่งกระทำาการแทนรัฐน้น ตามแนวคำาวินิจฉัยช้ขาดหรือ ตัวอย่างเช่น หน่วยงานของรัฐ ตำารวจหรือทหารท่ม ี
ี
คำาพิพากษาของศาลปกครอง อาจหมายถึงเป็นบุคคล คล่นวิทยุของตัวเองแล้วก็ไปให้เอกชนเช่าไปบริหาร เม่อม ี
ื
ื
ุ
ิ
ิ
ื
ธรรมดา นตบคคลเอกชน หรอนตบคคลมหาชน หรอ คดีพิพาท มาฟ้องศาลปกครอง เราถือเป็นสัญญาทางปกครอง
ิ
ื
ุ
ิ
นิติบุคคลตามกฎหมายแพ่ง สมาคม มูลนิธิ ตัวอย่างเช่น เพราะเข้าลักษณะเป็นสัญญาแสวงประโยชน์จาก
บริษัทท่าอากาศยาน บริษัทวิทยุการบิน เป็นต้น ทรัพยากรธรรมชาติ
ประการท่สอง เป็นสัญญาท่จะต้องเข้าลักษณะ “สัญญาท่ให้จัดทำาบริการสาธารณะ” ถ้าพิจารณา
ี
ี
ี
ั
ี
ี
๑ ใน ๔ ประเภท คือ เป็นสัญญาสัมปทาน สัญญาที่ให้ ประกอบกับมติของท่ประชุมใหญ่ฯ คร้งท่ ๖/๒๕๔๔
ิ
จัดทำาบริการสาธารณะ หรือจัดให้มีส่งสาธารณูปโภค หรือ เม่อวันท่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๔๔ ซ่งได้ขยายความไปว่า
ึ
ื
ี
แสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ “...สัญญาท่หน่วยงาน หรือบุคคลซ่งกระทำาการแทนรัฐ
ึ
ี
กิจกรรมของสำ�นักง�นเลข�นุก�ร
30 คณะกรรมก�รวินิจฉัยชี้ข�ดอำ�น�จหน้�ที่ระหว�งศ�ล
่