Page 513 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 513
๕๐๑
สภาพแวดล้อม สังคมประกอบด้วยมนุษย์ที่ตกลงเข้ามารวมตัวกันจนกลายเป็นสังคมขึ้นเพราะต้องการต่อต้าน
ความไม่เท่าเทียม การรังแก การเอารัดเอาเปรียบ ความไม่สงบ เกิดความไม่มั่นคง ความไม่ปลอดภัยในชีวิต
และทรัพย์สินจึงยอมที่จะสละสิทธิเสรีภาพบางประการให้รัฐบาลที่เข้ามาโดยความยินยอมของประชาชน
ื่
ื้
เพอให้รัฐบาลคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ตกลงเข้าร่วมกันเป็นสังคมภายใต้พนฐานทางความคิดที่ว่า
อานาจของสังคมไม่มีขอบเขตเกินความผาสุกร่วมกัน โดยมีข้อสรุปว่า อานาจทุกชนิดในสังคมมีข้อจ ากัด และ
ข้อจ ากัดที่ส าคัญของอ านาจก็คือการคุ้มครองเสรีภาพ
๒๓
๒.๓.๑.๒ ทฤษฎีกฎหมายบ้านเมือง (The Positive Law Theory)
ทฤษฎีนี้ถือว่าสิทธิเสรีภาพเป็นสิ่งที่รัฐาธิปัตย์เป็นผู้รับรองและคุ้มครองให้หรือมี
ที่มาจากค าสั่งของผู้มีอ านาจสูงสุดในการปกครอง
โดยสรุปแล้ว ทฤษฎีกฎหมายธรรมชาติ มีข้อดี คือ ค านึงถึงเหตุผลความเป็นธรรม ส่วนข้อเสีย คือ
มีลักษณะเป็นนามธรรมเกินไป ส่วนทฤษฎีกฎหมายบ้านเมือง มีข้อดี คือ มีความชัดเจนแน่นอน แต่ข้อเสีย คือ
กฎหมายที่ใช้ทฤษฎีดังกล่าวมีความแข็งกระด้างไม่เหมาะกับสังคมทเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ปัจจุบันจึงมีการน า
ี่
๒๔
ทั้งสองทฤษฎีมาผสมผสานให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมมากที่สุด
๒.๓.๒ หลักข้อสันนิษฐานความเป็นผู้บริสุทธิ์ (Presumption of Innocence)
คดีอาญาทุกคดีเริ่มต้นจากข้อสันนิษฐานที่ว่า บุคคลผู้ถูกกล่าวหาคือผู้บริสุทธิ์ เป็นหน้าที่ของ
พนักงานอัยการที่เป็นผู้แทนของรัฐที่จะต้องพิสูจน์จนปราศจากขอสงสัยตามสมควรว่าผู้ถูกกล่าวหาหรือจ าเลย
้
เป็นผู้กระท าความผิด
หลักข้อสันนิษฐานความเป็นผู้บริสุทธิ์นี้มีอทธิพลต่อการบัญญัติกฎหมายและการปฏิบัติต่อ
ิ
ผู้กระท าความผิดในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ส าหรับการปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาหรือจ าเลยในกฎหมาย
ิ
วิธีพจารณาความอาญาก็เป็นหลักที่สืบเนื่องมาจากหลักข้อสันนิษฐานความเป็นผู้บริสุทธิ์ ท าให้เกิดหลักทว่า การ
ี่
ปล่อยชั่วคราวเป็นหลัก การขังเป็นข้อยกเว้น หรือการใช้เครื่องพันธนาการแก่ผู้ต้องหาและจ าเลย เช่น การใช้
โซ่ตรวนกับจ าเลยในระหว่างการพจารณาคดีตามหลักนี้จะกระท ามิได้ แต่ที่มีการกระท ากับจ าเลยในระหว่าง
ิ
๒๓ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, กฎหมายมหาชน เล่ม ๑ (กรุงเทพมหานคร: ส านักพิมพ์วิญญูชน, ๒๕๔๖), น. ๖๕-๖๖.
๒๔ วิษณุ เครืองาม, "ปรัชญากฎหมายฝ่ายบ้านเมือง," บทบัณฑิตย์, ปีที่ ๓๔ (๒๕๒๐): น. ๓๘-๓๙.

