Page 808 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 808
๗๙๖
ี่
ด าเนินกระบวนพิจารณาคดีแพ่งหรือคดีที่เกิดจากการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติกฎหมายที่เกยวกับ
สิ่งแวดล้อมเป็นไปโดยเรียบร้อย ๔๕
เจตนารมณ์ของกฎหมายสิ่งแวดล้อมได้น าไปสู่หลักความคุ้มครองสิ่งแวดล้อม อันสรุปได้ดังนี้ ๔๖
(๑) หลักการพฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Principle) หมายถึง อตรา
ั
ั
การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับการพิจารณาถึงความผาสุกของประชาชนชาติ ทั้งคุณภาพชีวิตระดับ
การศึกษา ภาวะโภชนาอาหาร การกระจายรายได้ที่เป็นธรรมและเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่เพิ่มมากขึ้น
(๒) หลักการเฝ้าระวังไว้ก่อน (Precautionary Principle) เป็นการก าหนดหรือหามาตรการ
ื่
โดยการใช้เทคโนโลยีที่จ าเป็น เหมาะสมเพอป้องกันมิให้เกิดผลกระทบหรือความเสียหายที่สามารถ
คาดหมายล่วงหน้า หรือให้เกิดผลกระทบหรือความเสียหายน้อยที่สุดในด้านสิ่งแวดล้อม
ิ
(๓)หลักผู้ก่อมลพษเป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principle : PPP) ก าหนดให้ผู้ที่ก่อให้เกิด
มลพษมีหน้าที่รับภาระการลงทุนและออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จ าเป็นส าหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหา
ิ
มลพษที่เกิดขึ้นจากการประกอบการหรือด าเนินกิจกรรมของตน รวมทั้งหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าใช้จ่ายใน
ิ
การขจัดมลพษทั้งหมดที่รัฐด าเนินการไปเพอแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และหากเกิดความเสียหายต่อชีวิต
ิ
ื่
สุขภาพอนามัย หรือทรัพย์สินของผู้ใด ผู้ก่อมลพษต้องมีหน้าที่ชดเชยความเสียหายดังกล่าวให้แก่ผู้ได้รับ
ิ
ความเสียหายด้วย
(๔) หลักความยุติธรรมระหว่างรุ่นคน (Intergenerational Equity) มีสาระส าคัญว่า มนุษย์มี
ความรับผิดชอบส าคัญในการคุ้มครองและปรับปรุงสิ่งแวดล้อมเพอประโยชน์ของคนรุ่นปัจจุบันและคนรุ่น
ื่
ั
อนาคต สิทธิในการพัฒนาจะต้องได้รับการปฏิบัติที่จะสามารถตอบสนองความต้องการด้านการพฒนาและ
สิ่งแวดล้อมของคนรุ่นปัจจุบันและรุ่นอนาคต
(๕) หลักการมีส่วนร่วมของประชาชน (Public Participation) การจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม
ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกระดับที่เกี่ยวข้องโดยให้มีส่วนร่วมในด้านต่างๆ ทั้งด้านข้อมูลการ
ร่วมในกระบวนการตัดสินใจ และการเข้าถึงกระบวนการทางยุติธรรมและทางบริหารรวมทั้งได้รับการ
ชดเชยและเยียวยาความเสียหาย
ิ
เมื่อพจารณาค าแนะน าของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับการด าเนินคดีสิ่งแวดล้อม ข้อ ๑๑ ซึ่ง
ก าหนดแนวทางแก่ศาลในการด าเนินกระบวนพิจารณาพพากษาคดีสิ่งแวดล้อม ได้ก าหนดว่า ในกรณีที่จะมี
ิ
ื่
ื้
ื่
ิ
ู
ค าสั่งหรือค าพพากษาเพอก าหนดมาตรการเพอป้องกัน คุ้มครองรักษาหรือฟนฟทรัพยากรธรรมชาติ
สิ่งแวดล้อม หรือระบบนิเวศ ควรค านึงถึงผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม หรือ
๔๕ ค าแนะน าของประธานศาลฎีกา เกี่ยวกับการด าเนินคดีสิ่งแวดล้อม, ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๘ ตอน
ที่ ๓๐ ก ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔.
๔๖ ส านักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, “วาระปฏิรูปพิเศษ ๖ : การจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อม,” สิงหาคม
๒๕๕๘.