Page 811 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 811

๗๙๙

                            มีแนวคิดของนักวิชาการทางสิ่งแวดล้อมโดยอางถึงตราสารระหว่างประเทศทั้งหลายที่
                                                                    ้
                 ก าหนดให้ความคุ้มครอง “สิทธิในการมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี” หรือ “สิทธิในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมแก่
                                                                                       ๔๘
                 การพัฒนา” ว่าสามารถแยกแนวคิดเกี่ยวกับสิทธิในสิ่งแวดล้อมได้ออกเป็น ๒ ประเภท  ได้แก  ่

                            (๑)  สิทธิในสิ่งแวดล้อมในฐานะเป็นสิทธิร่วมกันของประชาชน (As Collective Right) ถือ
                 เป็นสิทธิของกลุ่มประชาชนที่ควรได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อการพัฒนา


                            (๒)  สิทธิในสิ่งแวดล้อมในฐานะสิทธิของปัจเจกบุคคล (As individual Right) ถือเป็นสิทธิ
                 ของบุคคลหนึ่ง ๆ แต่มีความเป็นไปได้ว่าผู้ถูกกระทบสิทธิอาจมีบุคคลหลายคนต้องถูกกระทบสิทธิโดยมี

                 ประเด็นถูกกระทบสิทธิมากน้อยกันไป

                            อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการพัฒนากฎหมายตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาโดย

                 ความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ออกค าแนะน าเกี่ยวกับการก าหนดโทษอาญาในกฎหมาย ข้อ ๑ ว่าต้องให้

                 ยึดหลักเกณฑ์การกระท าที่เป็นความผิดร้ายแรงนั้นเป็นการกระท าทกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความ
                                                                        ี่
                                                                                     ั
                 ปลอดภัยของประเทศ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือกระทบต่อศีลธรรมอนดีของประชาชนอย่าง
                 ร้ายแรง หรือมีผลกระทบต่อส่วนรวมในวงกว้าง ทั้งนี้ ให้ถือหลักหลักเกณฑการกระท าที่กระทบต่อส่วนรวม
                                                                              ์
                 เป็นวงกว้าง ซึ่งต้องค านึงถึงสภาพสังคมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป โดยให้ถือหลักการกระท าที่มี
                 ผลกระทบต่อส่วนรวม คือ การกระท าที่ส่งผลร้ายต่อประชาชนในวงกว้างในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง

                                                                         ี
                 การปกครอง หรือสิ่งแวดล้อม หรือผลกระทบที่เป็นผลร้ายอนที่ไม่เพยงแต่เป็นการกระทบต่อปัจเจกบุคคล
                                                                  ื่
                                                                       ั
                 เป็นการส่วนตัว อันแสดงให้เห็นถึงมุมมองของคณะกรรมการพฒนากฎหมายว่า หากเป็นการกระท าที่
                 กระทบต่อประชาชนในวงกว้างในด้านสิ่งแวดล้อมแล้วถือว่าเป็นการกระท าที่กระทบต่อส่วนรวม ดังนี้ จึง

                 อาจกล่าวได้ว่าวิธีการตามบทบัญญัติว่าด้วยโทษอปกรณ์ตามมาตรา ๓๑ วรรคสาม มีผลให้รัฐได้กลับเข้าไป
                                                         ุ
                 ควบคุมดูแล และฟนฟสภาพป่าสงวนแห่งชาติที่มีผู้ฝ่าฝืนเข้าไปท ากิจกรรมท าให้เกิดความเสื่อมเสียแก่
                                 ื้
                                    ู
                 สภาพป่าสงวนแห่งชาติ และตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔(๑) ให้ค านิยามว่าที่ดิน
                 แปลงใดที่ยังไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของหรือได้สิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินย่อมเป็นป่าทั้งสิ้น

                 การที่มีผู้ฝ่าฝืนเข้าไปยึดถือหรือครอบครองป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับยกเว้นตาม

                 กฎหมาย จึงย่อมมีผลกระทบต่อสิทธิในสิ่งแวดล้อมร่วมกันของประชาชนด้วย

                            ๔.๒ แนวทางการปรับใช้บทบัญญัติว่าด้วยโทษอุปกรณ์ของศาลยุติธรรม

                                                                       ิ
                             ปัญหาที่ผู้เขียนพบคือที่ผ่านมาศาลยุติธรรมมีค าพพากษากรณีที่พนักงานอยการเป็นโจทก์
                                                                                           ั
                 ฟองขอให้ลงโทษจ าเลยตามความผิดฐานยึดถือครอบครอง ท าประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง
                  ้
                 แผ้วถาง เผาป่า ท าไม้ เก็บหาของป่า หรือกระท าด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแกสภาพป่าสงวน
                                                                                            ่
                 แห่งชาติ และขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ มาตรา ๑๔, ๓๑ โดยมีค าขอ

                 ท้ายฟองขอให้ศาลสั่งวิธีการของโทษอปกรณ์ตามมาตรา ๓๑ วรรคสาม มาด้วย ที่มาขอปัญหาจะเกิดใน
                      ้
                                                 ุ

                            ๔๘  “เรื่องเดียวกัน”, หน้า ๖๖ – ๖๙.
   806   807   808   809   810   811   812   813   814   815   816