Page 812 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 812

๘๐๐

                           ั
                 กรณีที่ศาลฟงพยานหลักฐานของโจทก์และจ าเลยที่ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ซึ่งข้อที่เป็นปัญหามักเป็นกรณีที่
                 จ าเลยโต้แย้งว่ามิได้กระท าความผิดเพราะที่เกิดเหตุนั้นเป็นเขตที่ดินที่ตนท ากินมาเป็นเวลานานหรือก่อนถูก
                  ้
                 ฟอง หรือในบางกรณีโต้แย้งว่าจ าเลยท าประโยชน์จนได้สิทธิครอบครองมาก่อนมีการประกาศว่าบริเวณ
                                                     ิ
                 ดังกล่าวเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยทางพจารณาได้ความว่าขณะจ าเลยถูกจับกุมหรือแจ้งข้อกล่าวหานั้น
                 การกระท าของจ าเลยไม่เป็นความผิดเพราะขาดเจตนา หรือบางคดีอาจมีประเด็นเรื่องขาดอายุความก็ดี
                                                                                           ั
                                                                                  ้
                                                             ๔๙
                                                                        ิ
                 หรือมีเหตุตามกฎหมายที่จ าเลยไม่ควรต้องรับโทษก็ดี  และศาลพพากษายกฟองโจทก์ อนมีผลท าให้ศาล
                 ต้องสั่งวิธีการของโทษอปกรณ์ตามค าขอของโจทก์ด้วย ในที่นี้ขอยกเฉพาะกรณีศาลพพากษายกฟองเพราะ
                                    ุ
                                                                                                 ้
                                                                                      ิ
                 วินิจฉัยว่าจ าเลยขาดเจตนากระท าความผิดขึ้นมาเป็นกรณีศึกษา เนื่องจากขณะจัดท าบทความนี้ผู้เขียนยัง
                             ิ
                                                                                      ื่
                                            ั
                 ไม่พบแนวค าพพากษาศาลฎีกาอนเกี่ยวข้องกับกรณีศึกษาซึ่งยกฟองโดยเหตุอย่างอน โดยพบว่าศาลฎีกา
                                                                        ้
                 มีค าวินิจฉัยเป็น ๒ แนวทาง ดังนี้
                            ๔.๒.๑ แนวทางความเห็นแรก
                                        ิ
                            เมื่อศาลมิได้พพากษาว่าจ าเลยกระท าความผิดตามมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวน
                 แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ ศาลจึงไม่มีอ านาจสั่งตามที่โจทก์ขอตามวิธีการของโทษอุปกรณ์ได้


                            ค าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๗๘๙/๒๕๓๖

                            โจทก์ฟองขอให้ลงโทษจ าเลยทั้งสี่ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ มาตรา
                                  ้
                 ๔, ๖, ๘, ๙, ๑๔, ๓๑, ๓๕ พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๓ พระราชบัญญัติ
                 ป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๘ มาตรา ๔ กฎกระทรวงฉบับที่ ๖๒๑ (พ.ศ.  ๒๕๑๖) ออกตามความใน

                 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๓ ริบของกลาง กับ
                 สั่งให้จ าเลยทั้งสี่และบริวารออกไปจากเขตป่าสงวนแห่งชาติที่ยึดถือครอบครองด้วย


                                      ิ
                            ศาลชั้นต้นพพากษาว่า จ าเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗
                 มาตรา ๔, ๖, ๘, ๙, ๑๔, ๓๑ วรรคสอง, ๓๕  ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๓ จ าคุก ๒ ปี  ริบของกลาง

                 ให้จ าเลยที่ ๑ และบริวารออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติที่ยึดถือครอบครอง ยกฟ้องจ าเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔

                                                                   ้
                                               ิ
                            ศาลอทธรณ์ภาค ๓ พพากษาแก้เป็นว่า ยกฟองโจทก์ส าหรับจ าเลยที่ ๑ เสียด้วย คืนของ
                                 ุ
                 กลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามค าพพากษาของศาลชั้นต้น
                                                           ิ
                            โจทก์ฎีกา


                            ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า ที่ดินพิพาทเนื้อที่ประมาณ ๖ ไร่ ตั้งอยู่ในเขตป่า
                 เทือกเขานาคเกิด ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติเมื่อปี ๒๕๑๖ จ าเลยที่ ๑ ยึดถือครอบครอง แผ้วถาง และท าไม้

                 ในที่ดินดังกล่าว แต่ข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่าจ าเลยที่๑ เข้ายึดถือที่พพาทก่อนที่ทางราชการจะก าหนดให้เป็น
                                                                      ิ

                            ๔๙  ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๘๕ บัญญัติว่า “ถ้าศาลเห็นว่าจ าเลยมิได้กระท าผิด
                 ก็ดี การกระท าของจ าเลยไม่เป็นความผิดก็ดี คดีขาดอายุความแล้วกดี มีเหตุตามกฎหมายที่จ าเลยไม่ควรต้องรับโทษก็ดี ให้
                                                                 ็
                 ศาลยกฟ้องโจทก์ปล่อยจ าเลยไป แต่ศาลจะสั่งขังจ าเลยไว้หรือปล่อยชั่วคราวระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุดก็ได้”.
   807   808   809   810   811   812   813   814   815   816   817