Page 813 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 813

๘๐๑

                                                                  ุ
                                                                               ิ
                 ป่าสงวนแห่งชาติจ าเลยที่ ๑ จึงไม่มีเจตนากระท าผิด ที่ศาลอทธรณ์ภาค ๓ พพากษายกฟองจ าเลยที่ ๑ ชอบ
                                                                                         ้
                                             ุ
                                                                         ิ
                                                             ิ
                 แล้ว ฎีกาโจทก์ฟงไม่ขึ้น แต่ที่ศาลอทธรณ์ภาค ๓ มิได้พพากษาแก้ค าพพากษาศาลชั้นต้นที่ให้จ าเลยที่ ๑ และ
                              ั
                 บริวารออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติที่ยึดถือครอบครองนั้นไม่ชอบเนื่องจากค าขอส่วนนี้เป็นค าขอใน
                 วิธีการอุปกรณ์ของโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ มาตรา ๓๑ วรรคท้าย
                 (วรรคสาม) เมื่อศาลมิได้พพากษาว่าจ าเลยที่ ๑ กระท าความผิดตามบทมาตราดังกล่าวแล้ว ศาลจึงไม่มี
                                       ิ
                 อ านาจสั่งตามที่โจทก์ขอได้ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยว

                 ด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จ าเลยที่๑ ไม่ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอ านาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้”

                            หมายเหตุ เหตุผลแห่งค าวินิจฉัยของศาลฎีกาคดีนี้ สามารถแยกย่อยเหตุผลในเป็นปัญหาข้อ

                 กฎหมายได้เป็น ๒ ประการ ประการแรก ศาลฎีกาได้ให้เหตุแห่งค าวินิจฉัยว่าการยกขนอ้างเพอที่จะมีค าสั่ง
                                                                                             ื่
                                                                                       ึ้
                                          ุ
                 ในเรื่องบทบัญญัติว่าด้วยโทษอปกรณ์นั้นถือเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จ าเลย
                                         ้
                 ที่ ๑ ไม่ฎีกา ศาลฎีกายกขึ้นอางได้ และปัญหาข้อกฎหมายนี้ถือว่าเป็นแนวบรรทัดฐานอยู่แล้ว ส่วนปัญหา
                                                                     ้
                 ประการที่สอง  เมื่อศาลฎีกายกปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวขึ้นอางแล้ว แต่ได้ให้เหตุผลในส่วนบทบัญญัติว่า
                         ุ
                 ด้วยโทษอปกรณ์ตามมาตรา ๓๑ วรรคสาม โดยยกค าขอโจทก์ที่ขอให้จ าเลยที่ ๑ และบริวารออกไปจาก
                 เขตป่าสงวนแห่งชาติเสียด้วย

                            ๔.๒.๒ แนวทางความเห็นที่สอง


                            แม้ศาลพพากษายกฟองเพราะจ าเลยขาดเจตนากระท าความผิด ศาลก็มีอานาจสั่งตามบทบัญญัติ
                                   ิ

                                             ้
                 ว่าด้วยโทษอุปกรณ์ได้ เพราะปรากฏว่าจ าเลยยึดถือหรือครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติตามฟอง
                                                                                                ้
                            ค าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๘๒๖๒/๒๕๕๗

                            โจทก์ฟองขอให้ลงโทษจ าเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗
                                   ้
                 มาตรา ๔, ๕, ๖, ๘, ๙, ๑๔, ๓๑ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔, ๕๔, ๕๕, ๗๒ ตรี ประมวล
                 กฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ และให้จ าเลยทั้งสอง คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจ าเลยทั้งสองออก

                 จากเขตป่าสงวนแห่งชาติที่เกิดเหตุ

                                                                                     ั
                            ศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อมวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟงว่า ในปี ๒๕๑๖ ได้มี
                 กฎกระทรวงฉบับที่ ๕๙๗ ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ ก าหนดให้ป่า
                 เกาะระ ในท้องที่ต าบลเกาะพระทอง กิ่งอาเภอคุระบุรี (อาเภอคุระบุรีในปัจจุบัน) อ าเภอตะกั่วป่า จังหวัด


                  ั
                                                            ้
                 พงงา เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ในวันเวลาเกิดเหตุตามฟอง เมื่อระหว่างวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๒ ถึงวันที่ ๒๐
                 พฤษภาคม ๒๕๕๓ เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จ าเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยาร่วมกันครอบครอง
                 พื้นที่เกิดเหตุเนื้อที่ ๓ งาน ๕๑ ตารางวา บนเกาะระ  ...โดยศาลฎีกาวินิจฉัยใจความว่า แม้พื้นที่เกิดเหตุจะ

                 เป็นที่ดินที่ไม่มีบุคคลใดมีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดินและอยู่ในเขตป่าสงวน

                 แห่งชาติตามกฎกระทรวงดังกล่าวก็ตาม แต่จากรับฟังพยานโจทก์และจ าเลยทั้งสองที่ให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
                                    ิ
                                                                                            ื้
                 ประกอบกันแล้ว ทางพจารณาที่ได้ความนับว่าเป็นพฤติการณ์ที่บ่งชี้ว่าจ าเลยทั้งสองไม่รู้ว่าพนที่เกิดเหตุอยู่
   808   809   810   811   812   813   814   815   816   817   818